บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2018

สัตตชฏิลสูตร (สังยุตตนิกาย > สคาถวรรค > โกสลสังยุต > ทุติยวรรค)

สัตต ชฏิลสูตร   (ว่าด้วย นักบวชพวกละ ๗ คน ) สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่  ณ   บุพพาราม  ปราสาท ของ นางวิสาขามิคารมาตา  เขตกรุงสาวัต ถี สมัยนั้น   ในเวลาเย็น  พระผู้มีพระภาค เสด็จออกจากที่หลีกเร้น แล้วประทับนั่งที่นอกซุ้มประตู ครั้งนั้น  พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ   ถวายอภิวาท  แล้วประทับนั่ง  ณ  ที่สมควร สมัยนั้น  ชฎิล ๗ คน  นิครนถ์ ๗ คน  อเจลก ๗ คน  เอก สาฎก ๗  คน   ปริพาชก ๗ คน  ผู้มีขนรักแร้  เล็บ  และขนยาว  ถือเครื่องบริขารต่าง ๆ  เดินผ่านไป ในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาค ทันใดนั้น  พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จลุกจากที่ประทับ   ทรงห่มพระภูษาเฉวียงพระอังสาข้างหนึ่ง  ทรงจดพระชานุมณฑลเบื้อง ขวา  ณ   พื้นแผ่นดิน  ประนมมือไปทางชฎิล ๗ คน  นิครนถ์ ๗ คน  อเจลก ๗ คน  เอกสาฎก  ๗ คน  ปริพาชก ๗ คนเหล่านั้น  แล้วทรงประกาศพระนาม ๓ ครั้งว่า "ท่านเจ้าข้า   ข้าพเจ้าคือพระราชาปเสนทิโกศล ท่านเจ้าข้า  ข้าพเจ้าคือพระราชาปเสนทิโกศล ท่านเจ้าข้า  ข้าพเจ้าคือพระราชาปเสนทิโกศล" ลำดับนั้น  เมื่อนักบวชเหล่านั้นจาก ไปได้ไม่นาน พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเ

มูสิกชาดก (ขุททกนิกาย > ชาดก > เอกกนิบาต > กุสนาฬิวรรค)

มูสิกชาดก    (ว่าด้วยความประพฤติของผู้เอาธรรมบังหน้า) พ ญาหนูโพธิสัตว์กล่าวตำหนิสุนัขจิ้งจอกว่า        "ผู้ ใดกล่าวเชิดชูธรรมให้เป็นธงชัย เพื่อล่อลวงให้สัตว์ทั้งหลายตายใจ  แล้วซ่อนตนประพฤติชั่ว ความประพฤติของผู้นั้นชื่อว่าเป็นความประพฤติของแมว " มูสิกชาดก  จบ อรรถกถา พระศาสดาเมื่อประทับอยู่   ณ  พระ เชตวัน มหาวิหาร   ทรงปรารภภิกษุผู้หลอกลวงรูปหนึ่ง   จึงได้ตรัสเรื่องนี้ ความย่อว่า  ในครั้งนั้น  เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลความ ที่ภิกษุนั้นเป็นผู้หลอกลวงให้ทรงทราบแล้ว พระศาสดาตรัสว่า   "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น  แม้ในปางก่อนภิกษุ นี้ก็หลอกลวงเหมือนกัน" ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก  ดัง ต่อไปนี้ ในอดีตกาล  ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในกำเนิดหนู  อาศัย ความเจริญเติบโต  มีร่างกายอ้วนใหญ่คล้ายกับลูกสุกรอ่อน  มี หนูหลายร้อยเป็น บริวาร  ท่องเที่ยวอยู่ในป่า ครั้งนั้น  มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่ง ท่องเที่ยวไปตามประสา  มันเห็นฝูงหนูนั้น  คิดว่า  "เราจักลวง กินหนูเหล่านี้" แล้วแหงนหน้าจ้องด

อหิเปตวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > พาลวรรค)

อหิเปต วัตถุ   (เรื่องเปรตผู้มีรูปร่างเหมือนงู ) พระผู้มีพระภาคตรัส พระคาถานี้แก่ภิกษุทั้งหลาย  ดังนี้ว่า        "บาปกรรมที่บุคคลทำแล้วยังไม่ให้ผลทันที เหมือนน้ำนมที่รีดในวันนี้ บาปกรรมนั้นจะค่อย ๆ เผาผลาญคนพาล เหมือนไฟที่ถูกเถ้ากลบไว้  ฉะนั้น " อหิเปต วัตถุ   จบ อรรถกถา สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่  ณ  พระเวฬุวัน  เขตกรุงราชคฤห์ ทรงปรารภอหิเปรตตนหนึ่ง   ตรัสพระธรรมเทศนา นี้ว่า ได้ยินว่า   ในวันหนึ่ง  ท่านพระลักขณเถระ และท่านพระมหาโมคคัลลานเถระ  ลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ด้วย คิดว่า  "เราจักเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์" บรรดาพระเถระ ๒ รูป นั้น  ท่านพระมหาโมคคัลลานะเห็นอหิเปรตตนหนึ่ง  จึงได้กระทำการ ยิ้มแย้มให้ปรากฏ ลำดับนั้น  พระลักขณเถระถามเหตุกะพระเถระนั้นว่า "ผู้มีอายุ  เพราะเหตุไรท่านจึงทำการยิ้มแย้มให้ปรากฏ" พระเถระ ตอบว่า  "ผู้มีอายุ  เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาเพื่อวิสัชนาปัญหานี้ ท่านพึงถามผม ในสำนักพระผู้มีพระภาคเถิด" เมื่อพระเถระทั้งสองนั้นเที่ยว บิณฑบาตในกรุงราชคฤห์แล้ว ไปสู่สำนักพระผู้มีพระภาค  นั่ง  ณ  ที่สมควรแล้

อัตตานุวาทสูตร (อังคุตตรนิกาย > ทุกนิบาต > ปฐมปัณณาสก์ > กัมมกรณวรรค)

อัตตานุวาทสูตร   (ว่าด้วย อัตตานุวาทภัย ) พระผู้มีพระภาค ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า "ภิกษุทั้งหลาย  ภัย ๔ ประการนี้ ภัย  ๔  ประการ   อะไรบ้าง  คือ ๑. อัตตานุวาทภั ย ๒. ปรานุวาทภัย ๓. ทัณฑภัย ๔. ทุคติภัย อัตตานุวาทภัย   เป็นอย่างไร คือ  บุคคลบางคนในโลกนี้เห็นประจักษ์ดังนี้ว่า 'ก็ถ้าเราพึงประพฤติชั่วทาง กาย  ประพฤติชั่วทางวาจา  ประพฤติชั่วทางใจ  ไฉนเราจะติเตียนตัวเราเองโดยศีล ไม่ได้' เขากลัวภัยที่เกิดจากการติเตียนตนเอง จึงละกายทุจริต  บำเพ็ญกายสุจริต ละวจีทุจริต  บำเพ็ญวจีสุจริต ละมโนทุจริต  บำเพ็ญมโนสุจริต บริหารตนให้บริสุทธิ์ นี้เรียกว่า  อัตตานุวาทภัย ปรานุวาทภัย   เป็นอย่างไร คือ  บุคคลบางคนในโลกนี้เห็นประจักษ์ดังนี้ว่า 'ก็ถ้าเราพึงประพฤติชั่วทาง กาย  ประพฤติชั่วทางวาจา  ประพฤติชั่วทางใจ  ไฉนคนอื่นจะติเตียนเราโดยศีล ไม่ได้' เขากลัวภัยที่เกิดจากผู้อื่นติเตียน จึงละกายทุจริต  บำเพ็ญกายสุจริต ละ วจีทุจริต  บำเพ็ญวจีสุจริต ละมโนทุจริต  บำเพ็ญมโนสุจริต บริหารตนให้บริสุทธิ์ นี้เรียกว่า  ปรานุวาทภัย ทัณฑภัย   เป็นอย่างไร คือ  บุคคลบางคนใ

กกจูปมสูตร (มัชฌิมนิกาย > มูลปัณณาสก์ > โอปัมมวรรค)

กกจูปม สูตร   (ว่าด้วย อุปมาด้วยเลื่อย ) สมัยหนึ่ง   พระผู้มีพระภาคประทับอยู่  ณ  พระเชตวัน  อารามของ อนาถบิณฑิกเศรษฐี  เขตกรุงสาวัตถี สมัยนั้น  ท่านพระโมลิยผัคคุนะอยู่คลุกคลีกับ ภิกษุณีทั้งหลายเกินเวลา ท่านพระโมลิยผัคคุนะอยู่คลุกคลีกับภิกษุณีทั้งหลาย อย่างนี้ ถ้าภิกษุบางรูปติเตียนภิกษุณีเหล่านั้นต่อหน้าท่านพระโมลิยผัคคุนะ ท่าน พระโมลิยผัคคุนะก็โกรธไม่พอใจภิกษุรูปนั้นถึงกับก่ออธิกรณ์ขึ้นก็มี อนึ่ง  ถ้าภิกษุ บางรูปติเตียนท่านพระโมลิยผัคคุนะต่อหน้าภิกษุณีเหล่านั้น ภิกษุณีเหล่านั้นก็พากัน โกรธไม่พอใจภิกษุรูปนั้นถึงกับก่ออธิกรณ์ขึ้นก็มี ท่านพระโมลิยผัคคุนะอยู่คลุกคลีกับ ภิกษุณีทั้งหลายอย่างนี้ ครั้งนั้น  ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ  ถวายอภิวาท  แล้ว นั่ง  ณ  ที่สมควร  ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระโมลิยผัคคุนะอยู่คลุกคลีกับพวกภิกษุณีเกิน เวลา ท่านพระโมลิยผัคคุนะอยู่คลุกคลีกับพวกภิกษุณีอย่างนี้ ถ้าภิกษุบางรูป ติเตียนภิกษุณีเหล่านั้นต่อหน้าท่านพระโมลิยผัคคุนะ ท่านพระโมลิยผัคคุนะก็โกรธ ไม่พอใจภิกษุรูปนั้นถึงกับก่ออธิกรณ์