บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ตุลาคม, 2017

ปุพพัณหสูตร (อังคุตตรนิกาย > ติกนิบาต > ตติยปัณณาสก์ > มังคลวรรค)

ปุพพัณหสูตร   (ว่าด้วยเวลาเช้าเป็นฤกษ์ดีเป็นต้น) พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า "ภิกษุทั้งหลาย สัตว์เหล่าใดประพฤติกายสุจริต  วจีสุจริต  และมโนสุจริตในเวลาเช้า  เวลาเช้าก็เป็นเวลาที่ดีของสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดประพฤติกายสุจริต  วจีสุจริต  และมโนสุจริตในเวลาเที่ยง  เวลาเที่ยงก็เป็นเวลาที่ดีของสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดประพฤติกายสุจริต  วจีสุจริต  และมโนสุจริตในเวลาเย็น  เวลาเย็นก็เป็นเวลาที่ดีของสัตว์เหล่านั้น" จากนั้น  พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า        " สัตว์ทั้งหลายประพฤติชอบในเวลาใด เวลานั้นชื่อว่าเป็นฤกษ์ดี  มงคลดี  สว่างดี  รุ่งดี ขณะดี  ยามดี  และบูชาดีในพรหมจารีบุคคล กายกรรมเป็นส่วนเบื้องขวา (*) วจีกรรมเป็นส่วนเบื้องขวา มโนกรรมเป็นส่วนเบื้องขวา ความปรารถนาของท่านเป็นส่วนเบื้องขวา สัตว์ทั้งหลายทำกรรมอันเป็นส่วนเบื้องขวาแล้ว ย่อมได้ประโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องขวา        ท่านเหล่านั้นได้ประโยชน์แล้ว จงได้รับความสุข ...

สัมพหุลภิกขุสูตร (สังยุตตนิกาย > สฬายตนวรรค > สฬายตนสังยุต > ทุติยปัณณาสก์ > คิลานวรรค)

สัมพหุลภิกขุสูตร   (ว่าด้วยภิกษุหลายรูป) สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่  ณ  พระเชตวัน  อารามของอนาถ บิณฑิกเศรษฐี  เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น  ภิกษุหลายรูปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ  ถวายอภิวาท  แล้ว นั่ง  ณ  ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวก อัญเดียรถีย์ปริพาชกในโลกนี้ถามข้าพระองค์ทั้งหลายอย่างนี้ว่า 'ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย   พวกท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระสมณโคดมเพื่อต้องการอะไร' ข้าพระองค์ทั้งหลาย ถูกถามอย่างนี้  จึงตอบอัญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นอย่างนี้ว่า 'ผู้มีอายุทั้งหลาย   พวกเราประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อกำหนดรู้ทุกข์' ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทั้งหลายถูกถามอย่างนี้  จึงตอบอย่างนี้ ชื่อว่า พูดตรงตามที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ ไม่ชื่อว่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาคด้วยคำเท็จหรือ ชื่อว่ากล่าวแก้อย่างสมเหตุสมผลหรือ ไม่มีบ้างหรือที่คำกล่าวเช่นนั้นและคำที่กล่าว ต่อ ๆ กันมาจะเป็นเหตุให้ถูกตำหนิได้  พระพุทธเจ้าข้า" พระผู้มีพระภาคตรัสว...

เกสปุตติสูตร (อังคุตตรนิกาย > ติกนิบาต > ทุติยปัณณาสก์ > มหาวรรค)

เกสปุตติสูตร   (ว่าด้วยกาลามะชาวเกสปุตตนิคม) สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในแคว้นโกศลพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ หมู่ใหญ่  เสด็จถึงตำบลของพวกกาลามะชื่อว่าเกสปุตตนิคม พวกกาลามะชาวเกสปุตตนิคมได้ทราบว่า "ข่าวว่า  ท่านพระสมณโคดมศากย บุตรเสด็จออกผนวชจากศากยตระกูล  เสด็จถึงเกสปุตตนิคมโดยลำดับแล้ว ท่านพระ สมณโคดมนั้นมีกิตติศัพท์อันงามขจรไปอย่างนี้ว่า 'แม้เพราะเหตุนี้  พระผู้มีพระภาค พระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์  ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ  เพียบพร้อมด้วยวิชชา และจรณะ  เสด็จไปดี  รู้แจ้งโลก  เป็นสารถีฝึกผู้ที่ควรฝึกได้อย่างยอดเยี่ยม  เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  เป็นพระพุทธเจ้า  เป็นพระผู้มีพระภาค' พระ องค์ทรงรู้แจ้งโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก  มารโลก  พรหมโลกและหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณ พราหมณ์  เทวดา  และมนุษย์ด้วยพระองค์เอง  แล้วจึงประกาศให้ผู้อื่นรู้ตาม ทรง แสดงธรรมมีความงามในเบื้องต้น  มีความงามในท่ามกลาง  และมีความงามในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบู...

จัณฑาลสูตร (อังคุตตรนิกาย > ปัญจกนิบาต > จตุตถปัณณาสก์ > อุปาสกวรรค)

จัณฑาลสูตร   (ว่าด้วยอุบาสกจัณฑาล) พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า "ภิกษุทั้งหลาย   อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ   เป็นอุบาสก จัณฑาล  เป็นอุบาสกเศร้าหมอง  และเป็นอุบาสกน่ารังเกียจ (อุบาสกชั้นเลว) ธรรม ๕ ประการ  อะไรบ้าง  คือ ๑. เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ๒. เป็นผู้ทุศีล ๓. เป็นผู้ถือมงคลตื่นข่าว  เชื่อมงคล  ไม่เชื่อกรรม ๔. แสวงหาผู้รับทักษิณานอกศาสนานี้ ๕. ทำอุปการะนอกศาสนาก่อน ภิกษุทั้งหลาย  อุบาสกประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล  เป็นอุบาสกจัณฑาล   เป็นอุบาสกเศร้าหมอง  และเป็นอุบาสกน่ารังเกียจ ภิกษุทั้งหลาย  ส่วนอุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ  เป็นอุบาสกแก้ว  เป็น อุบาสกปทุม  และเป็นอุบาสกบุณฑริก ธรรม ๕ ประการ  อะไรบ้าง  คือ ๑. เป็นผู้มีศรัทธา ๒. เป็นผู้มีศีล ๓. เป็นผู้ไม่ถือมงคลตื่นข่าว  เชื่อกรรม  ไม่เชื่อมงคล ๔. ไม่แสวงหาผู้รับทักษิณานอกศาสนานี้ ๕. ทำอุปการะในศาสนานี้ก่อน ภิกษุทั้งหลาย  อุบาสกประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล  เป็นอุบาสกแก้ว   ...

ปฐมสมชีวีสูตร (อังคุตตรนิกาย > จตุกกนิบาต > ทุติยปัณณาสก์ > ปุญญาภิสันทวรรค)

ปฐมสมชีวีสูตร   (ว่าด้วยผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่เสมอกัน  สูตรที่ ๑) สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่เภสกฬามฤคทายวัน  เขตกรุงสุงสุมารคีระ   แคว้นภัคคะ ครั้นในเวลาเช้า  พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสก  ถือบาตรและจีวร   เสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของนกุลปิตาคหบดี  ประทับนั่งบนพุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้แล้ว ลำดับนั้น  นกุลปิตาคหบดีและนกุลมาตาคหปตานีพากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ  ถวายอภิวาทแล้วนั่ง  ณ  ที่สมควร นกุลปิตาคหบดี ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  นับแต่เวลาที่ข้าพระองค์นำนกุลมาตาคหปตานีมา   ข้าพระองค์ไม่เคยคิดที่จะประพฤตินอกใจนกุลมาตาคหปตานี  ไหนเลยจะประพฤติ นอกใจด้วยกายเล่า พวกข้าพระองค์ปรารถนาที่จะพบกันทั้งในชาตินี้และชาติหน้า" ฝ่ายนกุลมาตาคหปตานีก็ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ  นับแต่เวลาที่นกุลปิตาคหบดีหนุ่มนำหม่อมฉันผู้ยังเป็นสาวมา  หม่อมฉัน ไม่เคยคิดที่จะประพฤตินอกใจนกุลปิตาคหบดี  ไหนเลยจะประพฤตินอกใจด้วย...

อัคคิทัตตปุโรหิตวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > พุทธวรรค)

อัคคิทัตตปุโรหิตวัตถุ   (เรื่องปุโรหิตชื่ออัคคิทัต) พระผู้มีพระภาคเมื่อประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน  เขตกรุงสาวัตถี ประทับนั่งบนกองทราย  ทรงปรารภปุโรหิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล  ชื่ออัคคิทัต  แล้วตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า อัคคิทัตทูลลาบวช ดังได้สดับมา  อัคคิทัตนั้นได้เป็นปุโรหิตของพระเจ้ามหาโกศล  ครั้นเมื่อพระราชบิดาสวรรคตแล้ว  พระราชาทรงพระนามว่าปเสนทิโกศลทรงดำริว่า  "ผู้นี้เป็นปุโรหิตแห่งพระชนกของเรา"  จึงตั้งเขาไว้ในตำแหน่งนั้นนั่นแลด้วยความเคารพ ในเวลาที่เขามาสู่พระราชสำนัก  พระองค์ทรงทำการเสด็จลุกรับด้วยความเคารพ  รับสั่งให้พระราชทานอาสนะ (ที่นั่ง) ที่เสมอกัน  ด้วยพระดำรัสว่า  "อาจารย์  เชิญนั่งบนอาสนะนี้" อัคคิทัตนั้นคิดว่า  "พระราชานี้ทรงทำความเคารพในเราอย่างเหลือเกิน  แต่เราก็ไม่อาจเป็นที่ถูกพระราชหฤทัยของพระราชาทั้งหลายได้ตลอดกาล  อนึ่ง  พระราชาก็เยาว์วัย  ยังหนุ่มน้อย  ชื่อว่าความเป็นพระราชากับด้วยคนผู้มีวัยเสมอกันนั่นแลเป็นเหตุให้เกิดสุข  ส่วนเราเป็นคนแก่ ...

ปุณณาเถรีคาถา (ขุททกนิกาย > เถรีคาถา > โสฬสกนิบาต)

ปุณณาเถรีคาถา   (ภาษิตของพระปุณณาเถรี) พระปุณณาเถรีรูปนี้  เป็นผู้มีอธิการอันทำไว้แล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ๆ  สั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้น ๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี  นางเกิดในเรือนมีตระกูล  ถึงความเป็นผู้ใหญ่แล้ว  มีกุศลมูลตักเตือน  จึงไปฟังธรรมในสำนักภิกษุณี  ได้ศรัทธาจึงบวช  เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์  เรียนพระไตรปิฎก  เป็นพหูสูต  ทรงธรรม  และเป็นธรรมกถึก แม้ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิขี  เวสสภู  กกุสันธะ  โกนาคมนะ  และกัสสปะ  นางก็ได้บวชเช่นกัน  เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศีล  เป็นพหูสูต  ทรงธรรม  และเป็นธรรมกถึกเหมือนทุกครั้ง แต่เพราะเป็นคนมีมานะ  ถือตัว  จึงไม่อาจตัดกิเลสได้  และเพราะได้ทำกรรมด้วยใจมีมานะนี่เอง  ทำให้ต้องมาเกิดในท้องของนางทาสี  ในสมัยพุทธกาลนี้  อยู่ในเรือน ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี  ในกรุงสาวัตถี  (เกิดเป็นทาสในเรือนเบี้ย)  มีชื่อว่าปุณณา นางมีโอกาสได้ฟังพระธรรมเท...