บทความ

จิญจมาณวิกาวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > โลกวรรค)

จิญจมาณวิกาวัตถุ   (เรื่องนางจิญจมาณวิกา ) พระผู้มีพระภาคตรัส พระคาถานี้แก่ภิกษุทั้งหลาย  ดังนี้ว่า        " บุคคลผู้ล่วงละเมิดธรรมอย่างหนึ่ง ผู้มักกล่าวเท็จ  ปฏิเสธปรโลก จะไม่ทำบาป  ไม่มี " จิญจมาณวิกา วัตถุ   จบ อรรถกถา สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่  ณ  พระเชตวัน   อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี  เ ขตกรุงสาวัตถี ทรงปรารภนางจิญจ มาณวิกา   ตรัสพระธรรมเทศนา นี้ว่า [ พวกเดียรถีย์ริษยาพระพุทธศาสนา ] ในปฐมโพธิกาล  เมื่อสาวกของพระทศพลมีมาก หาประมาณมิได้  เมื่อพวกเทวดาและมนุษย์หยั่งลงสู่อริยภูมิ  เมื่อการเกิด ขึ้นแห่งพระคุณของพระศาสดาแผ่ไปแล้ว  ลาภสักการะเป็นอันมากเกิดขึ้น แล้ว  พวกเดียรถีย์ก็กลายเป็นผู้เช่นกับแสงหิ่งห้อยในเวลาดวงอาทิตย์ขึ้น  เป็นผู้ เสื่อมจากลาภสักการะแล้ว พวกเดียรถีย์เหล่านั้นยืนประกาศ ต่อหมู่ชนว่า "พระสมณโคดมเท่านั้นหรือเป็น พระพุทธเจ้า  แม้พวกเราก็เป็นพระพุทธเจ้า ทานที่ให้แล้วแก่ พระสมณโคดมเท่านั้นหรือมีผลมาก  ทานที่ให้แล้วแม...

เทสนาสูตร (ขุททกนิกาย > อิติวุตตกะ > ทุกนิบาต > ทุติยวรรค)

เทสนาสูตร   (ว่าด้วย ธรรมเทศนา ) แท้จริง  พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว พระสูตรนี้พระอรหันต์ กล่าวไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ "ภิกษุทั้งหลาย  ธรรมเทศนาของตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  ว่าโดยปริยาย   มี ๒ ประการ ธรรมเทศนา ๒ ประการ  อะไรบ้าง  คือ ๑. ธรรมเทศนาว่า  'ท่านทั้งหลายจงเห็นบาปว่าเป็นบาป' นี้จัดเป็น ธรรมเทศนาประการที่ ๑ ๒. ธรรมเทศนาว่า  'ท่านทั้งหลายครั้นเห็นบาปว่าเป็นบาปแล้ว  จงเบื่อ หน่ายคลายกำหนัด  ปลดเปลื้องตนให้พ้นจากบาปนั้น' นี้จัดเป็น ธรรมเทศนาประการที่ ๒ ภิกษุทั้งหลาย  ธรรมเทศนาของตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  ว่าโดยปริยาย   มี ๒ ประการนี้แล" พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความดังกล่าวมานี้แล้ว  ในพระสูตรนั้น  จึงตรัส คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า        'เธอจงดูธรรมเทศนา ๒ ประการ ที่ตถาคตพุทธเจ้าผู้ทรงอนุเคราะห์สัตว์ทุกหมู่เหล่า ได้ทรงประกาศไว้แล้วโดยคำปริยาย        เธอทั้งหลายผู้ฉลาด  จงพิจารณาเห็นบาป จงคลายความยินดี...

อิสาทาสีเถรีคาถา (ขุททกนิกาย > เถรีคาถา > จัตตาฬีสนิบาต)

อิสาทาสีเถรีคาถา   (ภาษิตของพระอิสิทาสีเถรี) พระปุณณาเถรีรูปนี้  เป็นผู้มีอธิการอันทำไว้แล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ๆ  สั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้น ๆ ในภพที่ ๗ จาก ภพปัจจุบัน  ได้เป็นชู้กับภรรยาผู้อื่น  เพราะคบมิตรไม่ดี หลังจาก ตายไป  ได้ไปเกิดในนรก  หมกไหม้อยู่ในนรกนั้นหลายร้อย ปี จุติจาก นรกนั้นแล้ว  ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ๓ ชาติ จุติจากนั้นแล้ว  ไปเกิดเป็น กะเทยในท้องของทาสี ครั้นจุติจากนั้น  ได้ไปเกิดเป็นลูกสาวช่างทำเกวียนที่ขัดสน คนหนึ่ง  เมื่อ เจริญวัยแล้ว  ลูกชายนายกองเกวียนคนหนึ่งชื่อศิริทาสก็เอาเป็นภรรยาแล้ว นำไปบ้าน นายศิริทาสมีภรรยาอยู่แล้วคนหนึ่ง  เป็นคนมีศีล  มีกัลยาณธรรม   ลูกสาว ช่างทำเกวียนริษยานาง  จึงให้สามีขับไล่นางไปเสีย   นางอยู่ในบ้านนั้นจนตลอดชีวิต หลังจากตาย  ในพุทธุปบาทกาลนี้  มาเกิดเป็นลูกสาว ของเศรษฐีผู้พรั่งพร้อมด้วยสมบัติ  ได้รับยกย่องว่าเป็นคนมีตระกูลมีถิ่นฐานดี  มีความประพฤติเรียบร้อย  อยู่ ในกรุงอุชเชนี ...

ปุตตมังสสูตร (สังยุตตนิกาย > นิทานวรรค > นิทานสังยุต > มหาวรรค)

ปุตตมังส สูตร   (ว่าด้วย เนื้อบุตร ) สมัยหนึ่ง   พระผู้มีพระภาคประทับอยู่  ณ  พระเชตวัน  อารามของ อนาถบิณฑิกเศรษฐี  เขตกรุงสาวัตถี ณ  ที่นั้น  พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลาย มาตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย" ภิกษุเหล่านั้นทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว พระผู้มี พระภาคจึงได้ตรัสเรื่องนี้ว่า "ภิกษุทั้งหลาย อาหาร ๔ อย่างนี้  เป็นไปเพื่อความดำรงอยู่ของหมู่สัตว์ ผู้เกิดแล้ว  หรือเพื่ออนุเคราะห์หมู่สัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด อาหาร ๔ อย่าง  อะไรบ้าง  คือ ๑. กวฬิงการาหาร  ที่หยาบหรือละเอียด ๒. ผัสสาหาร ๓. มโนสัญเจตนาหาร ๔. วิญญาณาหาร อาหาร ๔ อย่างนี้  เป็นไปเพื่อความดำรงอยู่ของหมู่สัตว์ผู้เกิด แล้ว  หรือเพื่อ อนุเคราะห์หมู่สัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด กวฬิงการาหาร   จะพึงเห็นได้อย่างไร คือ  เปรียบเหมือนภรรยาสามีทั้งสอง  ถือเอาเสบียงเล็กน้อย  เดินทางกันดาร เขาทั้งสองมีบุตรน้อย ๑ คนทั้งน่ารักและน่าพอใจ ขณะที่พวกเขากำลังเดินทาง กันดาร  เสบียงที่มีเพียงเล็กน้อยได้หมดสิ้นไป  แต่ทางกันด...

อานันทเสฏฐิวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > พาลวรรค)

อานันทเสฏฐิ วัตถุ   (เรื่องอานนทเศรษฐี ) พระผู้มีพระภาคตรัส พระคาถานี้แก่เศรษฐีชื่อมูลสิริ  บุตรของอานนทเศรษฐี  ดังนี้ว่า        " คนพาลย่อมเดือดร้อนว่า  'เรามีบุตร  เรามีทรัพย์' แท้จริง  ตัวตนก็ไม่มี  บุตรและทรัพย์จักมีแต่ที่ไหน " อานันทเสฏฐิ วัตถุ   จบ อรรถกถา สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่  ณ  พระเชตวัน   อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี  เ ขตกรุงสาวัตถี ทรงปรารภอานนทเศรษฐี   ตรัสพระธรรมเทศนา นี้ว่า [ อานนทเศรษฐีสั่งสอนบุตรให้ตระหนี่ ] ได้ยินว่า  ในกรุงสาวัตถี  เศรษฐีชื่ออานนท์  มีสมบัติประมาณ  ๘๐ โกฏิ  แต่เขาเป็นคนตระหนี่มาก อานนทเศรษฐีนั้นให้พวกญาติ ประชุมกันทุกกึ่งเดือน  แล้วกล่าวสอนบุตรของตนผู้ชื่อว่ามูลสิริ ใน ๓ เวลาอย่างนี้ว่า "เจ้าอย่าได้ทำความสำคัญว่าทรัพย์ ๔๐ โกฏิ นี้มาก เจ้าไม่ควรให้ทรัพย์ที่มีอยู่สิ้นไป  ควรยังทรัพย์ใหม่ให้เกิดขึ้น เพราะ เมื่อบุคคลทำกหาปณะแม้หนึ่ง ๆ ให้เสื่อมไป  ทรัพย์ย่อมสิ้นด้วยเหมือนกัน เพราะเหตุนั้...

จูฬทุกขักขันธสูตร (มัชฌิมนิกาย > มูลปัณณาสก์ > สีหนาทวรรค)

จูฬทุกขักขันธ สูตร   (ว่าด้วย กองทุกข์  สูตรเล็ก ) สมัยหนึ่ง   พระ ผู้มีพระภาคประทับอยู่  ณ  นิโครธาราม  เขตกรุงกบิลพัสดุ์   ในแคว้นสักกะ ครั้งนั้น  เจ้าศากยะพระนามว่ามหานามะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ  ถวายอภิวาท  แล้วประทับนั่ง  ณ  ที่สมควร  ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์รู้ทั่วถึงธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง แล้วสิ้นกาลนานอย่างนี้ว่า 'โลภะเป็นอุปกิเลสแห่งจิต โทสะเป็นอุปกิเลสแห่งจิต โมหะเป็นอุปกิเลสแห่งจิต' เมื่อเป็นเช่น นั้น บางคราว  โลภธรรมยังครอบงำจิตของ ข้าพระองค์ไว้ได้บ้าง โทสธรรมยังครอบงำจิตของข้าพระองค์ไว้ได้บ้าง โมหธรรม ยังครอบงำจิตของข้าพระองค์ไว้ได้บ้าง ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า  'ธรรมอะไร เล่าที่ข้าพระองค์ยังละไม่ได้ในภายใน ซึ่งเป็นเหตุให้โลภธรรมยังครอบงำจิตของ ข้าพระองค์ไว้ได้บ้าง โทสธรรมยังครอบงำจิตของข้าพระองค์ไว้ได้บ้าง โมหธรรมยัง ครอบงำจิตของข้าพระองค์ไว้ได้บ้างเป็นครั้งคราว" พระผู้มีพระภาคตรัสว่า  "มหานามะ ธรรม...