มหาธนวาณิชวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > ปาปวรรค)
มหาธนวาณิชวัตถุ (เรื่องพ่อค้าผู้มีทรัพย์มาก)
พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้ว่า
"บุคคลพึงเว้นกรรมชั่วทั้งหลายเสีย
เหมือนพ่อค้ามีทรัพย์มาก มีพวกน้อย เว้นทางอันน่ากลัว
และเหมือนผู้ต้องการจะมีชีวิตอยู่ เว้นยาพิษเสีย ฉะนั้น"
อรรถกถา
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี
ทรงปรารภพ่อค้ามีทรัพย์มากคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า
สมัยต่อมา พ่อค้านั้นบรรทุกเกวียน ๕๐๐ เล่มให้เต็มด้วยสิ่งของแล้ว ได้เผดียงแก่ภิกษุทั้งหลายว่า
"เราจะไปสู่ที่ชื่อโน้นเพื่อค้าขาย
พระผู้เป็นเจ้าเหล่าใดประสงค์จะไปสู่ที่นั้น ขอนิมนต์พระผู้เป็นเจ้าเหล่านั้นออกไปพร้อมกับเรา จักไม่ลำบากด้วยภิกษาในหนทาง"
ภิกษุ ๕๐๐ รูปฟังคำนั้นแล้ว ได้เดินทางไปกับพ่อค้านั้น
โจรเหล่านั้นได้ข่าวว่าพ่อค้านั้นออกไปแล้ว จึงได้ไปซุ่มอยู่ในดง
ฝ่ายพ่อค้าเดินทางไปแล้วได้ระยะหนึ่ง จึงพักในที่ใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ปากดง จัดแจงโคและเกวียนเป็นต้น สิ้น ๒ - ๓ วัน และถวายภิกษาแก่ภิกษุเหล่านั้นเป็นนิตย์เทียว
"บุคคลพึงเว้นกรรมชั่วทั้งหลายเสีย
เหมือนพ่อค้ามีทรัพย์มาก มีพวกน้อย เว้นทางอันน่ากลัว
และเหมือนผู้ต้องการจะมีชีวิตอยู่ เว้นยาพิษเสีย ฉะนั้น"
มหาธนวาณิชวัตถุ จบ
อรรถกถา
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี
ทรงปรารภพ่อค้ามีทรัพย์มากคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า
[ พ่อค้านิมนต์ภิกษุ ๕๐๐ เดินทางร่วมกัน ]
ได้ยินว่า มีพวกโจร ๕๐๐ คนแสวงหาช่องทางในเรือนของพ่อค้านั้น แต่ยังไม่ได้ช่องสมัยต่อมา พ่อค้านั้นบรรทุกเกวียน ๕๐๐ เล่มให้เต็มด้วยสิ่งของแล้ว ได้เผดียงแก่ภิกษุทั้งหลายว่า
"เราจะไปสู่ที่ชื่อโน้นเพื่อค้าขาย
พระผู้เป็นเจ้าเหล่าใดประสงค์จะไปสู่ที่นั้น ขอนิมนต์พระผู้เป็นเจ้าเหล่านั้นออกไปพร้อมกับเรา จักไม่ลำบากด้วยภิกษาในหนทาง"
ภิกษุ ๕๐๐ รูปฟังคำนั้นแล้ว ได้เดินทางไปกับพ่อค้านั้น
โจรเหล่านั้นได้ข่าวว่าพ่อค้านั้นออกไปแล้ว จึงได้ไปซุ่มอยู่ในดง
ฝ่ายพ่อค้าเดินทางไปแล้วได้ระยะหนึ่ง จึงพักในที่ใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ปากดง จัดแจงโคและเกวียนเป็นต้น สิ้น ๒ - ๓ วัน และถวายภิกษาแก่ภิกษุเหล่านั้นเป็นนิตย์เทียว
[ พวกโจรให้คนใช้ไปสืบข่าวพ่อค้า ]
พวกโจรเมื่อพ่อค้านั้นล่าช้าอยู่ จึงส่งบุรุษคนหนึ่งไปด้วยสั่งว่า
"เจ้าจงไปสืบดูว่าพ่อค้านั้นจะออกเดินทางต่อเมื่อไร"
บุรุษนั้นไปถึงหมู่บ้านนั้นแล้ว ถามสหายคนหนึ่งในหมู่บ้านว่า "พ่อค้าจะออกเดินทางต่อเมื่อไร"
สหายนั้นตอบว่า "อีก ๒ - ๓ วัน ท่านถามทำไมหรือ"
บุรุษนั้นบอกแก่เขาว่า "พวกเราเป็นโจร ๕๐๐ ซุ่มอยู่ในดงเพื่อต้องการพ่อค้านั่น"
เมื่อบุรุษนั้นกลับไปแล้ว ฝ่ายสหายที่อยู่ในหมู่บ้านคิดว่า "เราจะห้ามพวกโจรหรือพ่อค้าดีหนอ"
ตกลงใจว่า "ประโยชน์อะไรของเราด้วยพวกโจร
ภิกษุ ๕๐๐ รูปอาศัยพ่อค้าเป็นอยู่ เราจะแจ้งข่าวนี้แก่พ่อค้า"
แล้วจึงไปหาพ่อค้านั้น ถามว่า "ท่านจะไปเมื่อไร"
พ่อค้าตอบว่า "อีก ๓ วันนับจากนี้"
เขากล่าวว่า "ท่านจงทำตามคำของข้าพเจ้า
ได้ยินว่ามีพวกโจร ๕๐๐ ซุ่มอยู่ในดงเพื่อต้องการตัวท่าน ท่านอย่าเพิ่งไปเลย"
[ พ่อค้าถูกโจรสกัดต้องพักอยู่ในระหว่างทาง ]
พ่อค้าถามว่า "ท่านรู้อย่างไร"
บุรุษสหายตอบว่า "เพื่อนของข้าพเจ้ามีอยู่ในกลุ่มโจรเหล่านั้น ข้าพเจ้ารู้เพราะคำบอกเล่าของเขา"
พ่อค้า "ถ้าเช่นนั้น ประโยชน์อะไรของเราด้วยการไปจากที่นี่ เรากลับไปเรือนดีกว่า"
โจรเหล่านั้นไม่เห็นพ่อค้ามา จึงส่งบุรุษคนเดิมไปอีก
เขามาถึงแล้ว ถามสหายนั้น ได้ฟังความเป็นไปนั้นแล้ว ไปบอกแก่พวกโจรว่า "ได้ยินว่าพ่อค้ากำลังจะกลับไปที่เรือนแล้ว"
พวกโจรฟังคำนั้นแล้ว จึงออกจากดงนั้น ไปซุ่มอยู่ริมหนทางที่พ่อค้าจะกลับ
เมื่อพ่อค้านั้นชักช้าอยู่ โจรเหล่านั้นก็ส่งบุรุษไปถามสหายอีก
สหายนั้นรู้ความที่พวกโจรชุ่มอยู่ในที่นั้นแล้ว ก็แจ้งแก่พ่อค้าอีก
พ่อค้าคิดว่า "แม้ในที่นี้ ความขาดแคลนด้วยอะไร ๆ ของเราก็ไม่มี
เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะยังไม่ไปข้างโน้น ไม่ไปข้างนี้ จะอยู่ที่นี่แหละ"
แล้วไปหาภิกษุทั้งหลาย กราบเรียนว่า
"ท่านผู้เจริญ ได้ยินว่าพวกโจรประสงค์จะปล้นผม ซุ่มอยู่ริมหนทางไป
ครั้นได้ยินว่าผมจะกลับ พวกโจรก็ไปซุ่มอยู่ริมหนทางกลับ
ฉะนั้น ผมจะยังไม่ไปทั้งข้างโน้น ทั้งข้างนี้ จะพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว
ท่านผู้เจริญทั้งหลายประสงค์จะอยู่ที่นี่ก็จงอยู่
ประสงค์จะไปก็จงไปตามความพอใจของท่านเถิด"
พวกภิกษุกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้น พวกฉันจะกลับ"
อำลาพ่อค้าแล้ว
ในวันรุ่งขึ้น ไปสู่เมืองสาวัตถี ถวายบังคมพระศาสดาแล้วนั่งอยู่ ณ ที่สมควร
[ สิ่งที่ควรเว้น ]
พระศาสดาตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไม่ไปกับพ่อค้ามีทรัพย์มากผู้นั้นหรือ"
พวกภิกษุกราบทูลว่า "อย่างนั้น พระเจ้าข้า
พวกโจรซุ่มอยู่ริมทางทั้งสองข้างเพื่อต้องการปล้นพ่อค้าผู้นั้น
เพราะเหตุนั้น เขาจึงพักอยู่ในที่นั้นแล
ส่วนพวกข้าพระองค์ลาเขากลับมา"
พระศาสดาตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย
พ่อค้าผู้มีทรัพย์มาก ย่อมเว้นทางที่มีภัยเพราะความที่พวกโจรมีอยู่
บุรุษผู้ใคร่จะมีชีวิตอยู่ ย่อมเว้นยาพิษอันร้ายแรง
ส่วนภิกษุเมื่อทราบว่า 'ภพ ๓ เป็นเช่นกับหนทางที่พวกโจรซุ่มอยู่' แล้วเว้นกรรมชั่วเสีย จึงควร"
ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
"บุคคลพึงเว้นกรรมชั่วทั้งหลายเสีย
เหมือนพ่อค้ามีทรัพย์มาก มีพวกน้อย เว้นทางอันน่ากลัว
และเหมือนผู้ต้องการจะมีชีวิตอยู่ เว้นยาพิษเสีย ฉะนั้น"
ในกาลจบพระธรรมเทศนา
ภิกษุเหล่านั้นบรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย
พระธรรมเทศนาได้เป็นประโยชน์เเม้เเก่มหาชนผู้มาประชุม ดังนี้แล
บทความที่เกี่ยวข้อง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น