ยาคุมธุโคฬกานุชานนา (มหาวรรค > เภสัชชขันธกะ)


ยาคุมธุโคฬกานุชานนา  (ว่าด้วยทรงอนุญาตข้าวต้มและขนมหวาน)

ครั้งนั้น  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่  ณ  กรุงพาราณสีตามพระอัธยาศัย
แล้วเสด็จจาริกไปทางอันธกวินทชนบท  พร้อมภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่จำนวน ๑,๒๕๐ รูป

สมัยนั้น  ชาวชนบทบรรทุกเกลือ  น้ำมัน  ข้าวสาร  ของเคี้ยวเป็นอันมากมาในเกวียน  เดินตามภิกษุสงฆ์ที่มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประธาน  ด้วยตั้งใจว่า
"เมื่อได้โอกาส  พวกเราจะทำภัตตาหารถวาย"
มีคนกินเดนอีก ๕๐๐ คนติดตามไปด้วย

ครั้งนั้น  พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปตามลำดับ  จนถึงอันธกวินทชนบทแล้ว

ครั้งนั้น  พราหมณ์คนหนึ่งเมื่อไม่ได้โอกาส  ได้มีความคิดดังนี้ว่า
"เราเดินตามภิกษุสงฆ์ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานมากว่า ๒ เดือนแล้ว
ด้วยตั้งใจว่า  'เมื่อได้โอกาส  พวกเราจะทำภัตตาหารถวาย'
แต่ก็หาโอกาสไม่ได้
เราตัวคนเดียวและยังเสียประโยชน์ทางฆราวาสไปมาก
อย่ากระนั้นเลย  เราพึงตรวจดูโรงอาหาร
สิ่งใดยังไม่มีในโรงอาหาร  เราจะจัดเตรียมสิ่งนั้นถวาย"

แล้วจึงตรวจดูโรงอาหาร
เขาไม่เห็นของ ๒ อย่าง  คือ  ข้าวต้มและขนมหวาน

จึงเข้าไปหาท่านพระอานนท์  แล้วได้กล่าวกับท่านพระอานนท์ดังนี้ว่า
"ท่านอานนท์  ขอโอกาสเถิด
กระผมเมื่อไม่ได้โอกาส  จึงได้มีความคิดดังนี้ว่า
'เราเดินตามภิกษุสงฆ์ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานมากว่า ๒ เดือนแล้ว
ด้วยตั้งใจว่า  'เมื่อได้โอกาส  พวกเราจะทำภัตตาหารถวาย'
แต่ก็หาโอกาสไม่ได้
เราตัวคนเดียวและยังเสียประโยชน์ทางฆราวาสไปมาก
อย่ากระนั้นเลย  เราพึงตรวจดูโรงอาหาร
สิ่งใดยังไม่มีในโรงอาหาร  เราจะจัดเตรียมสิ่งนั้นถวาย'
ท่านอานนท์  กระผมนั้นตรวจดูโรงอาหาร
ไม่เห็นของ ๒ อย่าง  คือ  ข้าวต้มและขนมหวาน
ท่านอานนท์
ถ้ากระผมจัดเตรียมข้าวต้มและขนมหวาน  พระโคดมผู้เจริญจะทรงรับหรือ"

ท่านพระอานนท์ตอบว่า
"พราหมณ์  ถ้าเช่นนั้น  อาตมาจะกราบทูลถามพระผู้มีพระภาค"
แล้วนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า  "พราหมณ์จงจัดเตรียมถวายเถิด"

ท่านพระอานนท์บอกพราหมณ์ว่า  "ท่านจัดเตรียมได้"

เมื่อผ่านราตรีนั้นไป
พราหมณ์จัดเตรียมข้าวต้มและขนมหวานเป็นจำนวนมาก  แล้วน้อมเข้าไปถวายพระผู้มีพระภาคว่า
"ขอพระโคดมผู้เจริญโปรดรับข้าวต้มและขนมหวานของข้าพระองค์เถิด"

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
"พราหมณ์  ถ้าอย่างนั้น  ท่านจงถวายแก่ภิกษุทั้งหลาย"

ภิกษุทั้งหลายยำเกรงอยู่  จึงไม่ยอมรับประเคน

พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า
"ภิกษุทั้งหลาย  พวกเธอจงรับประเคนฉันเถิด"

ครั้งนั้น  พราหมณ์ได้นำข้าวต้มและขนมหวานจำนวนมากมาประเคนภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานด้วยตนเอง
กระทั่งพระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จ  ทรงห้ามภัตแล้ว  ล้างพระหัตถ์แล้วละพระหัตถ์จากบาตร
พราหมณ์จึงได้นั่งเฝ้าอยู่  ณ  ที่สมควร


[ ประโยชน์ของข้าวต้มมี ๑๐ อย่าง ]
พระผู้มีพระภาคตรัสกับพราหมณ์ผู้นั่ง  ณ  ที่สมควรว่า
"พราหมณ์
ข้าวต้มมีอานิสงส์ ๑๐ ประการ  คือ

ผู้ถวายข้าวต้ม  ชื่อว่า
(๑) ให้อายุ
(๒) ให้วรรณะ
(๓) ให้สุขะ
(๔) ให้พละ
(๕) ให้ปฏิภาณ
ข้าวต้มที่ดื่มแล้ว  ช่วย
(๖) บรรเทาความหิว
(๗) ระงับความกระหาย
(๘) ให้ลมเดินคล่อง
(๙) ชำระลำไส้
(๑๐) เผาอาหารที่ยังไม่ย่อยให้ย่อย

พราหมณ์  ข้าวต้มมีอานิสงส์ ๑๐ ประการนี้แล"

ครั้นตรัสเวยยากรณภาษิตนี้แล้ว  พระสุคตตรัสอนุโมทนาต่อไปว่า
       "ทายกผู้ตั้งใจถวายข้าวต้มแก่ปฏิคาหกผู้สำรวมแล้ว
ผู้ฉันอาหารที่ผู้อื่นถวายตามกาลสมควร
เขาได้ชื่อว่าตามเพิ่มให้ประโยชน์ ๑๐ ประการแก่ปฏิคาหก
คือ  อายุ  วรรณะ  สุขะ  พละ  ปฏิภาณ
นอกจากนั้นข้าวต้มย่อมบรรเทาความหิว  ความกระหาย
ให้ลมเดินคล่อง  ชำระลำไส้  และช่วยย่อยอาหาร
พระสุคตตรัสว่าข้าวต้มเป็นยา
ดังนั้น  ผู้ที่ต้องการความสุขอันเป็นของมนุษย์ตลอดกาลนาน
และปรารถนาความสุขอันเป็นทิพย์
หรือปรารถนาความงามอันเป็นของมนุษย์
จึงควรถวายข้าวต้ม"

เมื่อทรงอนุโมทนาแก่พราหมณ์ด้วยพระคาถาเหล่านี้แล้ว  จึงเสด็จลุกจากที่ประทับกลับ

ต่อมา  พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถาเพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ  รับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า
"ภิกษุทั้งหลาย  เราอนุญาตข้าวต้มและขนมหวาน"

ยาคุมธุโคฬกานุชานนา  จบ


บทความที่เกี่ยวข้อง
๑. ตัวอย่างที่ดีจากนางวิสาขา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พยสนสูตร (อังคุตตรนิกาย > ปัญจกนิบาต > ตติยปัณณาสก์ > คิลานวรรค)

กาลียักขินีวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > ยมกวรรค)

ปฏาจาราเถรีวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > สหัสสวรรค)