ธนัญชานิสูตร (มัชฌิมนิกาย > มัชฌิมปัณณาสก์ > พราหมณวรรค)


ธนัญชานิสูตร  (ว่าด้วยพราหมณ์ชื่อธนัญชานิ)

สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่  ณ  พระเวฬุวัน  สถานที่ให้เหยื่อกระแต  เขตกรุงราชคฤห์

สมัยนั้นแล  ท่านพระสารีบุตรเที่ยวจาริกไปในทักขิณาคีรีชนบทพร้อมด้วยภิกษุหมู่ใหญ่

ครั้งนั้น  ภิกษุรูปหนึ่งจำพรรษาอยู่ในกรุงราชคฤห์  ได้เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงทักขิณาคีรีชนบท  ได้สนทนาปราศรัยพอเป็นที่บันเทิงใจ  พอเป็นที่ระลึกถึงกัน  แล้วนั่ง  ณ  ที่สมควร

ท่านพระสารีบุตรได้ถามภิกษุนั้นว่า
"ท่านผู้มีอายุ
พระผู้มีภาคไม่ทรงประชวร  และยังทรงมีพระกำลังอยู่หรือ"

ภิกษุนั้นกล่าวตอบว่า
"ท่านผู้มีอายุ
พระผู้มีพระภาคไม่ทรงประชวร  และยังทรงมีพระกำลังอยู่  ขอรับ"

"ภิกษุสงฆ์ไม่ป่วยไข้และยังมีกำลังอยู่หรือ"

"แม้ภิกษุสงฆ์ก็ไม่ป่วยไข้และยังมีกำลังอยู่  ขอรับ"

"พราหมณ์ชื่อธนัญชานิอยู่ใกล้ประตูตัณฑุลปาลิ  ในกรุงราชคฤห์นั้น
เขาไม่ป่วยไข้และยังมีกำลังอยู่หรือ"

"แม้ธนัญชานิพราหมณ์ก็ไม่ป่วยไข้และยังมีกำลังอยู่  ขอรับ"

"ธนัญชานิพราหมณ์ยังเป็นผู้ไม่ประมาท (ไม่ประพฤติอธรรม) อยู่หรือ"

ภิกษุนั้นกราบเรียนว่า
"ท่านผู้มีอายุ
ธนัญชานิพราหมณ์ของเราจะไม่ประมาทที่ไหนได้
เขาอาศัยพระราชาเที่ยวเบียดบังเอาผลประโยชน์ของพราหมณ์และคหบดี
อาศัยพวกพราหมณ์และคหบดีเบียดบังเอาผลประโยชน์ของรัฐ
แม้ภรรยาของเขาผู้มีศรัทธา  ที่ขอมาจากตระกูลมีศรัทธา  ก็ตายไปเสียแล้ว
ภรรยาคนใหม่ของเขาไม่มีศรัทธา  เขาขอมาจากตระกูลไม่มีศรัทธา"

ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า
"ท่านผู้มีอายุ
การที่เราได้ฟังว่าธนัญชานิพราหมณ์เป็นผู้ประมาท  เป็นข่าวไม่ดีเล
ถ้ากระไร  เราจะได้พบกับธนัญชานิพราหมณ์นั้นสักครั้งหนึ่ง
ทำอย่างไร  เราจึงจะได้สนทนาปราศรัยบ้าง"

ครั้งนั้น  ท่านพระสารีบุตรอยู่ในทักขิณาคีรีชนบทตามอัธยาศัยแล้ว
จึงจาริกไปทางกรุงราชคฤห์  เที่ยวจาริกไปตามลำดับ  จนถึงกรุงราชคฤห์แล้ว
ได้ยินว่า  สมัยนั้นท่านพระสารีบุตรอยู่  ณ  พระเวฬุวันสถานที่ให้เหยื่อกระแต  เขตกรุงราชคฤห์

ครั้นในเวลาเช้า
ท่านพระสารีบุตรครองอันตรวาสก  ถือบาตรและจีวร  เข้าไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์

สมัยนั้น  ธนัญชานิพราหมณ์ใช้คนให้รีดนมโคซึ่งอยู่ที่คอกโคนอกกรุง
ท่านพระสารีบุตรเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์
กลับจากบิณฑบาต  ภายหลังฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว
เข้าไปหาธนัญชานิพราหมณ์ถึงที่อยู่

ธนัญชานิพราหมณ์ได้เห็นท่านพระสารีบุตรกำลังเดินมาแต่ไกล
จึงเข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่  แล้วกล่าวว่า
"นิมนต์ดื่มนมสดทางนี้เถิด  พระคุณเจ้าสารีบุตร
ยังพอมีเวลาสำหรับฉันภัตตาหาร"

ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า
"อย่าเลย  พราหมณ์  วันนี้อาตมภาพทำภัตกิจเสร็จแล้ว
อาตมภาพจักพักกลางวันที่โคนไม้โน้น
ท่านควรจะมาพบอาตมภาพที่โคนไม้นั้น"

ธนัญชานิพราหมณ์รับคำแล้ว

ต่อมา  ธนัญชานิพราหมณ์บริโภคอาหารเช้าเสร็จแล้ว
ภายหลังเวลาอาหาร  ได้เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่
ได้สนทนาปราศรัยพอเป็นที่บันเทิงใจ  พอเป็นที่ระลึกถึงกันแล้วจึงนั่ง  ณ  ที่สมควร


[ พราหมณ์อ้างเหตุจำเป็นเพื่อประพฤติอธรรม ]
ท่านพระสารีบุตรได้ถามธนัญชานิพราหมณ์ว่า
"ธนัญชานิ  ท่านเป็นผู้ไม่ประมาทอยู่หรือ"

ธนัญชานิพราหมณ์ได้ตอบว่า
"พระคุณเจ้าสารีบุตร  โยมจะไม่ประมาทได้อย่างไร
เพราะโยมต้องเลี้ยงมารดาบิดา
ต้องเลี้ยงบุตรและภรรยา
ต้องเลี้ยงพวกทาสกรรมกรและคนรับใช้
ต้องทำกิจที่ควรทำแก่มิตรและอำมาตย์
ต้องทำกิจที่ควรทำแก่ญาติสาโลหิต
ต้องทำกิจที่ควรทำแก่แขก
ต้องทำบุญที่ควรแก่บุรพเปตชน (ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว)
ต้องทำการบวงสรวงที่ควรทำแก่เทวดา
ต้องสนองพระราชกรณียกิจของพระราชา
แม้กายนี้ก็ต้องบำรุงบำเรอ"


[ ข้ออ้างที่นายนิรยบาลไม่รับฟัง ]
ท่านพระสารีบุตรถามว่า
"ธนัญชานิ  ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งมารดาบิดา
(ประพฤติอธรรม  หมายถึงประพฤติกรรมคือความทุศีล ๕ ประการ  หรือกรรมคือความทุศีล ๑๐ ประการ)

นายนิรยบาลพึงฉุดคร่าเขาไปยังนรก  เพราะเหตุแห่งการประพฤติอธรรมและประพฤติไม่สม่ำเสมอ

เขาควรได้ข้ออ้างหรือว่า
'ข้าพเจ้าเองประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งมารดาบิดา
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าข้าพเจ้าไปยังนรกเลย'

หรือมารดาบิดาของผู้นั้นจะพึงได้ข้ออ้างหรือว่า
'คนนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าเขาไปยังนรกเลย"

ธนัญชานิพราหมณ์ตอบว่า
"ไม่ใช่  พระคุณเจ้าสารีบุตร
ที่แท้คนนั้นถึงจะคร่ำครวญมากมาย  นายนิรยบาลก็ต้องโยนเขาลงนรกจนได้"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งบุตรและภรรยา
นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาไปยังนรก  เพราะเหตุแห่งการประพฤติอธรรมและประพฤติไม่สม่ำเสมอ

เขาควรได้ข้ออ้างหรือว่า
'ข้าพเจ้าเองประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งบุตรและภรรยา
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าข้าพเจ้าไปยังนรกเลย'

หรือบุตรและภรรยาของผู้นั้นจะพึงได้ข้ออ้างหรือว่า
'คนนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าเขาไปยังนรกเลย"

"ไม่ใช่  พระคุณเจ้าสารีบุตร
ที่แท้คนนั้นถึงจะคร่ำครวญมากมาย  นายนิรยบาลก็ต้องโยนเขาลงนรกจนได้"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งทาสกรรมกรและคนรับใช้
นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาไปยังนรก  เพราะเหตุแห่งการประพฤติอธรรมและประพฤติไม่สม่ำเสมอ

เขาควรได้ข้ออ้างหรือว่า
'ข้าพเจ้าประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งทาสกรรมกรและคนรับใช้
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าข้าพเจ้าไปยังนรกเลย'

หรือพวกทาสกรรมกรและคนรับใช้ของผู้นั้นจะพึงได้ข้ออ้างหรือว่า
'คนนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าเขาไปยังนรกเลย"

"ไม่ใช่  พระคุณเจ้าสารีบุตร
ที่แท้คนนั้นถึงจะคร่ำครวญมากมาย  นายนิรยบาลก็ต้องโยนเขาลงนรกจนได้"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งมิตรและอำมาตย์
นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาไปยังนรก  เพราะเหตุแห่งการประพฤติอธรรมและประพฤติไม่สม่ำเสมอ

เขาควรได้ข้ออ้างหรือว่า
'ข้าพเจ้าประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งมิตรอำมาตย์
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าข้าพเจ้าไปยังนรกเลย'

หรือมิตรและอำมาตย์ของผู้นั้นจะพึงได้ข้ออ้างหรือว่า
'คนนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าเขาไปยังนรกเลย"

"ไม่ใช่  พระคุณเจ้าสารีบุตร
ที่แท้คนนั้นถึงจะคร่ำครวญมากมาย  นายนิรยบาลก็ต้องโยนเขาลงนรกจนได้"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งญาติสาโลหิต
นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาไปยังนรก  เพราะเหตุแห่งการประพฤติอธรรมและประพฤติไม่สม่ำเสมอ

เขาควรได้ข้ออ้างหรือว่า
'ข้าพเจ้าประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งญาติสาโลหิต
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าข้าพเจ้าไปยังนรกเลย'

หรือญาติสาโลหิตของผู้นั้นจะพึงได้ข้ออ้างหรือว่า
'คนนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าเขาไปยังนรกเลย"

"ไม่ใช่  พระคุณเจ้าสารีบุตร
ที่แท้คนนั้นถึงจะคร่ำครวญมากมาย  นายนิรยบาลก็ต้องโยนเขาลงนรกจนได้"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งแขก
นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาไปยังนรก  เพราะเหตุแห่งการประพฤติอธรรมและประพฤติไม่สม่ำเสมอ

เขาควรได้ข้ออ้างหรือว่า
'ข้าพเจ้าประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งแขก
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าข้าพเจ้าไปยังนรกเลย'

หรือแขกของผู้นั้นจะพึงได้ข้ออ้างหรือว่า
'คนนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าเขาไปยังนรกเลย"

"ไม่ใช่  พระคุณเจ้าสารีบุตร
ที่แท้คนนั้นถึงจะคร่ำครวญมากมาย  นายนิรยบาลก็ต้องโยนเขาลงนรกจนได้"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งบุรพเปตชน
นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาไปยังนรก  เพราะเหตุแห่งการประพฤติอธรรมและประพฤติไม่สม่ำเสมอ

เขาควรได้ข้ออ้างหรือว่า
'ข้าพเจ้าประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งบุรพเปตชน
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าข้าพเจ้าไปยังนรกเลย'

หรือบุรพเปตชนของผู้นั้นจะพึงได้ข้ออ้างหรือว่า
'คนนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าเขาไปนรกเลย"

"ไม่ใช่  พระคุณเจ้าสารีบุตร
ที่แท้คนนั้นถึงจะคร่ำครวญมากมาย  นายนิรยบาลก็ต้องโยนเขาลงนรกจนได้"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งเทวดา
นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาไปยังนรก  เพราะเหตุแห่งการประพฤติอธรรมและประพฤติไม่สม่ำเสมอ

เขาควรได้ข้ออ้างหรือว่า
'ข้าพเจ้าประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งเทวดา
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าข้าพเจ้าไปยังนรกเลย'

หรือเทวดาของผู้นั้นจะพึงได้ข้ออ้างหรือว่า
'คนนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าเขาไปยังนรกเลย"

"ไม่ใช่  พระคุณเจ้าสารีบุตร
ที่แท้คนนั้นถึงจะคร่ำครวญมากมาย  นายนิรยบาลก็ต้องโยนเขาลงนรกจนได้"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งพระราชา
นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาไปยังนรก  เพราะเหตุแห่งการประพฤติอธรรมและประพฤติไม่สม่ำเสมอ

เขาควรได้ข้ออ้างหรือว่า
'ข้าพเจ้าประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งพระราชา
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าข้าพเจ้าไปยังนรกเลย'

หรือพระราชาของผู้นั้นจะพึงได้ข้ออ้างหรือว่า
'คนนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าเขาไปยังนรกเลย"

"ไม่ใช่  พระคุณเจ้าสารีบุตร
ที่แท้คนนั้นถึงจะคร่ำครวญมากมาย  นายนิรยบาลก็ต้องโยนเขาลงนรกจนได้"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งการบำรุงบำเรอกาย
นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาไปยังนรก  เพราะเหตุแห่งการประพฤติอธรรมและประพฤติไม่สม่ำเสมอ

เขาควรได้ข้ออ้างหรือว่า
'ข้าพเจ้าประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งการบำรุงบำเรอกาย
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าข้าพเจ้าไปยังนรกเลย'

หรือชนเหล่าอื่นของผู้นั้นจะพึงได้ข้ออ้างหรือว่า
'คนนี้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งการบำรุงบำเรอกาย
ขอนายนิรยบาลอย่าฉุดคร่าเขาไปยังนรกเลย"

"ไม่ใช่  พระคุณเจ้าสารีบุตร
ที่แท้คนนั้นถึงจะคร่ำครวญมากมาย  นายนิรยบาลก็ต้องโยนเขาลงนรกจนได้"


[ การประพฤติธรรมประเสริฐกว่าการประพฤติอธรรม ]
ท่านพระสารีบุตรถามว่า
"ธนัญชานิ  ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งมารดาบิดา
กับบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งมารดาบิดา
บุคคลไหนจะประเสริฐกว่ากัน"
(ประพฤติธรรม  หมายถึงการกระทำกสิกรรมและวาณิชยกรรมเป็นต้นที่ชอบธรรม)

ธนัญชานิพราหมณ์ตอบว่า
"พระคุณเจ้าสารีบุตร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งมารดาบิดา  ไม่ประเสริฐ
ส่วนบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งมารดาบิดา  ประเสริฐกว่า
แท้จริง  การประพฤติธรรมและการประพฤติสม่ำเสมอประเสริฐกว่าการประพฤติอธรรมและการประพฤติไม่สม่ำเสมอ"

"การงานที่มีเหตุประกอบด้วยธรรม
ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลสามารถเลี้ยงมารดาบิดา
ไม่ทำบาปกรรม  และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่เป็นบุญได้  ก็มีอยู่

ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งบุตรและภรรยา
กับบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งบุตรและภรรยา
บุคคลไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"พระคุณเจ้าสารีบุตร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งบุตรและภรรยา  ไม่ประเสริฐ
ส่วนบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งบุตรและภรรยา  ประเสริฐกว่า
แท้จริง  การประพฤติธรรมและการประพฤติสม่ำเสมอประเสริฐกว่าการประพฤติอธรรมและการประพฤติไม่สม่ำเสมอ"

"การงานที่มีเหตุประกอบด้วยธรรม
ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลสามารถเลี้ยงบุตรและภรรยา
ไม่ทำบาปกรรม  และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่เป็นบุญได้  ก็มีอยู่

ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งทาสกรรมกรและคนรับใช้
กับบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งทาสกรรมกรและคนรับใช้
บุคคลไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"พระคุณเจ้าสารีบุตร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งทาสกรรมกรและคนรับใช้  ไม่ประเสริฐ
ส่วนบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งทาสกรรมกรและคนรับใช้  ประเสริฐกว่า
แท้จริง  การประพฤติธรรมและการประพฤติสม่ำเสมอประเสริฐกว่าการประพฤติอธรรมและการประพฤติไม่สม่ำเสมอ"

"การงานที่มีเหตุประกอบด้วยธรรม
ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลสามารถเลี้ยงทาสกรรมกรและคนรับใช้
ไม่ทำบาปกรรม  และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่เป็นบุญได้  ก็มีอยู่

ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งมิตรและอำมาตย์
กับบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งมิตรและอำมาตย์
บุคคลไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"พระคุณเจ้าสารีบุตร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งมิตรและอำมาตย์  ไม่ประเสริฐ
ส่วนบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งมิตรและอำมาตย์  ประเสริฐกว่า
แท้จริง  การประพฤติธรรมและการประพฤติสม่ำเสมอประเสริฐกว่าการประพฤติอธรรมและการประพฤติไม่สม่ำเสมอ"

"การงานที่มีเหตุประกอบด้วยธรรม
ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลสามารถทำกรณียกิจแก่มิตรและอำมาตย์
ไม่ทำบาปกรรม  และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่เป็นบุญได้  ก็มีอยู่

ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งญาติสาโลหิต
กับบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งญาติสาโลหิต
บุคคลไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"พระคุณเจ้าสารีบุตร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งญาติสาโลหิต  ไม่ประเสริฐ
ส่วนบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งญาติสาโลหิต  ประเสริฐกว่า
แท้จริง  การประพฤติธรรมและการประพฤติสม่ำเสมอประเสริฐกว่าการประพฤติอธรรมและการประพฤติไม่สม่ำเสมอ"

"การงานที่มีเหตุประกอบด้วยธรรม
ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลสามารถทำกรณียกิจแก่ญาติสาโลหิต
ไม่ทำบาปกรรม  และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่เป็นบุญได้  ก็มีอยู่

ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งแขก
กับบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งแขก
บุคคลไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"พระคุณเจ้าสารีบุตร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งแขก  ไม่ประเสริฐ
ส่วนบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งแขก  ประเสริฐกว่า
แท้จริง  การประพฤติธรรมและการประพฤติสม่ำเสมอประเสริฐกว่าการประพฤติอธรรมและการประพฤติไม่สม่ำเสมอ"

"การงานที่มีเหตุประกอบด้วยธรรม
ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลสามารถทำกรณียกิจแก่แขก
ไม่ทำบาปกรรม  และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่เป็นบุญได้  ก็มีอยู่

ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งบุรพเปตชน
กับบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งบุรพเปตชน
บุคคลไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"พระคุณเจ้าสารีบุตร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งบุรพเปตชน  ไม่ประเสริฐ
ส่วนบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งบุรพเปตชน  ประเสริฐกว่า
แท้จริง  การประพฤติธรรมและการประพฤติสม่ำเสมอประเสริฐกว่าการประพฤติอธรรมและการประพฤติไม่สม่ำเสมอ"

"การงานที่มีเหตุประกอบด้วยธรรม
ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลสามารถทำกรณียกิจแก่บุรพเปตชน
ไม่ทำบาปกรรม  และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่เป็นบุญได้  ก็มีอยู่

ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งเทวดา
กับบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งเทวดา
บุคคลไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"พระคุณเจ้าสารีบุตร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งเทวดา  ไม่ประเสริฐ
ส่วนบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งเทวดา  ประเสริฐกว่า
แท้จริง  การประพฤติธรรมและการประพฤติสม่ำเสมอประเสริฐกว่าการประพฤติอธรรม  และการประพฤติไม่สม่ำเสมอ"

"การงานที่มีเหตุประกอบด้วยธรรม
ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลสามารถทำกรณียกิจแก่เทวดา
ไม่ทำบาปกรรม  และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่เป็นบุญได้  ก็มีอยู่

ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งพระราชา
กับบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งพระราชา
บุคคลไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"พระคุณเจ้าสารีบุตร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งพระราชา  ไม่ประเสริฐ
ส่วนบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งพระราชา  ประเสริฐกว่า
แท้จริง  การประพฤติธรรมและการประพฤติสม่ำเสมอประเสริฐกว่าการประพฤติอธรรมและการประพฤติไม่สม่ำเสมอ"

"การงานที่มีเหตุประกอบด้วยธรรม
ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลสามารถทำกรณียกิจแก่พระราชา
ไม่ทำบาปกรรม  และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่เป็นบุญได้  ก็มีอยู่

ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งการบำรุงบำเรอกาย
กับบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งการบำรุงบำเรอกาย
บุคคลไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"พระคุณเจ้าสารีบุตร
บุคคลผู้ประพฤติอธรรม  ประพฤติไม่สม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งการบำรุงบำเรอกาย  ไม่ประเสริฐ
ส่วนบุคคลผู้ประพฤติธรรม  ประพฤติสม่ำเสมอ  เพราะเหตุแห่งการบำรุงบำเรอกาย  ประเสริฐกว่า
แท้จริง  การประพฤติธรรมและการประพฤติสม่ำเสมอประเสริฐกว่าการประพฤติอธรรมและการประพฤติไม่สม่ำเสมอ"

"การงานที่มีเหตุประกอบด้วยธรรม
ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลสามารถบำรุงบำเรอกาย
ไม่ทำบาปกรรม  และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่เป็นบุญได้  ก็มีอยู่"

ครั้งนั้น
ธนัญชานิพราหมณ์ชื่นชมยินดีภาษิตของท่านพระสารีบุตร  ลุกจากที่นั่งแล้วจากไป


[ ธนัญชานิพราหมณ์ป่วยหนัก ]
สมัยต่อมา  ธนัญชานิพราหมณ์ป่วย  มีทุกข์  เป็นไข้หนัก
จึงเรียกบุรุษคนหนึ่งมากล่าวว่า
"มานี่เถิดพ่อคุณ
ท่านจงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
จงถวายอภิวาทพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า  ตามคำของเราว่า
'ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ธนัญชานิพราหมณ์ป่วย  มีทุกข์  เป็นไข้หนัก
ขอถวายอภิวาทพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า'

และจงเข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่
แล้วไหว้เท้าของพระคุณเจ้าสารีบุตรด้วยเศียรเกล้า  ตามคำของเราว่า
'พระคุณเจ้าผู้เจริญ  ธนัญชานิพราหมณ์ป่วย  มีทุกข์  เป็นไข้หนัก
ขอไหว้เท้าของพระคุณเจ้าสารีบุตรด้วยเศียรเกล้า'

แล้วจงกราบเรียนอย่างนี้ว่า
'พระคุณเจ้าผู้เจริญ
ขอโอกาส  ขอพระคุณเจ้าสารีบุตรจงอาศัยความอนุเคราะห์
โปรดเข้าไปยังนิเวศน์ของธนัญชานิพราหมณ์ด้วยเถิด"

บุรุษนั้นรับคำแล้ว
ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ  ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค
แล้วนั่ง  ณ  ที่สมควร  ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ธนัญชานิพราหมณ์ป่วย  มีทุกข์  เป็นไข้หนัก
เขาขอถวายอภิวาทพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า"

แล้วได้เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่
ไหว้แล้วนั่ง  ณ  ที่สมควรแล้ว  ได้กราบเรียนว่า
"พระคุณเจ้าผู้เจริญ
ธนัญชานิพราหมณ์ป่วย  มีทุกข์  เป็นไข้หนัก
ขอไหว้เท้าของพระคุณเจ้าสารีบุตรด้วยเศียรเกล้า
และสั่งมาอย่างนี้ว่า
'พระคุณเจ้าผู้เจริญ
ขอโอกาส  ขอพระคุณเจ้าสารีบุตรจงอาศัยความอนุเคราะห์
โปรดเข้าไปยังนิเวศน์ของธนัญชานิพราหมณ์ด้วยเถิด"

ท่านพระสารีบุตรรับนิมนต์โดยอาการดุษณีภาพ


[ พระสารีบุตรเข้าเยี่ยมธนัญชานิพราหมณ์ ]
ลำดับนั้น  ท่านพระสารีบุตรครองอันตรวาสก  ถือบาตรและจีวร
เข้าไปยังนิเวศน์ของธนัญชานิพราหมณ์  นั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้แล้ว  ได้กล่าวกับธนัญชานิพราหมณ์ว่า
"ธนัญชานิ
ท่านยังพอทนได้หรือ  (สบายดีหรือ)  พอจะยังอัตภาพให้เป็นไปได้หรือ
ทุกขเวทนาค่อยลดลง  ไม่กำเริบขึ้นหรือ
อาการค่อยคลายลง  ไม่รุนแรงขึ้นหรือ"

ธนัญชานิพราหมณ์กราบเรียนว่า
"พระคุณเจ้าสารีบุตร
โยมแทบทนไม่ไหว  จะยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ได้แล้ว
ทุกขเวทนาของโยมกล้ายิ่งนัก  มีแต่กำเริบ  ไม่ลดลงเลย
อาการมีแต่ยิ่งรุนแรงขึ้น  ไม่คลายลงเลย

คนที่แข็งแรงใช้เหล็กที่แหลมคมแทงที่ศีรษะ  แม้ฉันใด
โยมก็ฉันนั้นเหมือนกัน  ถูกลมที่แรงกล้าเสียดแทงศีรษะเหลือกำลัง
โยมแทบทนไม่ไหว  จะยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ได้แล้ว
ทุกขเวทนาของโยมกล้ายิ่งนัก  มีแต่กำเริบ  ไม่ลดลงเลย
อาการมีแต่ยิ่งรุนแรงขึ้น  ไม่คลายลงเลย

คนที่แข็งแรงใช้เชือกหนังที่เหนียวขันที่ศีรษะ  แม้ฉันใด
โยมก็ฉันนั้นเหมือนกัน  ถูกเวทนาที่มีประมาณยิ่งบีบคั้นที่ศีรษะ
โยมแทบทนไม่ไหว  จะยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ได้แล้ว
ทุกขเวทนาของโยมกล้ายิ่งนัก  มีแต่กำเริบ  ไม่ลดลงเลย
อาการมีแต่ยิ่งรุนแรงขึ้น  ไม่คลายลงเลย

คนฆ่าโคหรือลูกมือของคนฆ่าโคผู้ชำนาญ  ใช้มีดแล่เนื้อที่คมกรีดท้อง  แม้ฉันใด
โยมก็ฉันนั้นเหมือนกัน  ถูกลมที่มีประมาณยิ่งเสียดแทงท้องอยู่
โยมแทบทนไม่ไหว  จะยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ได้แล้ว
ทุกขเวทนาของโยมกล้ายิ่งนัก  มีแต่กำเริบ  ไม่ลดลงเลย
อาการมีแต่ยิ่งรุนแรงขึ้น  ไม่คลายลงเลย

พระคุณเจ้าสารีบุตร
คนที่แข็งแรง ๒ คนช่วยกันจับคนที่อ่อนแอกว่าที่แขนคนละข้าง
ย่างไว้ที่หลุมถ่านเพลิง  แม้ฉันใด
โยมก็ฉันนั้นเหมือนกัน  มีกายถูกความเร่าร้อนมีประมาณยิ่งเผาลนอยู่
โยมแทบทนไม่ไหว  จะยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ได้แล้ว
ทุกขเวทนาของโยมกล้ายิ่งนัก  มีแต่กำเริบ  ไม่ลดลงเลย
อาการมีแต่ยิ่งรุนแรงขึ้น  ไม่คลายลงเลย"


[ ทุคติภูมิ - สุคติภูมิ ]
ท่านพระสารีบุตรถามว่า
"ธนัญชานิ  ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
นรกกับกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน  อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

ธนัญชานิพราหมณ์ตอบว่า
"พระคุณเจ้าสารีบุตร
กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานประเสริฐกว่านรก  ขอรับ"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานกับเปรตวิสัย  อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"เปรตวิสัยประเสริฐกว่ากำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน  ขอรับ"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
เปรตวิสัยกับมนุษย์  อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"มนุษย์ประเสริฐกว่าเปรตวิสัย  ขอรับ"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
มนุษย์กับเทพชั้นจาตุมหาราช  อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"เทพชั้นจาตุมหาราชประเสริฐกว่ามนุษย์  ขอรับ"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
เทพชั้นจาตุมหาราชกับเทพชั้นดาวดึงส์  อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"เทพชั้นดาวดึงส์ประเสริฐกว่ากว่าเทพชั้นจาตุมหาราช  ขอรับ"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
เทพชั้นดาวดึงส์กับเทพชั้นยามา  อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"เทพชั้นยามาประเสริฐกว่าเทพชั้นดาวดึงส์  ขอรับ"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
เทพชั้นยามากับเทพชั้นดุสิต  อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"เทพชั้นดุสิตประเสริฐกว่าเทพชั้นยามา  ขอรับ"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
เทพชั้นดุสิตกับเทพชั้นนิมมานรดี  อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"เทพชั้นนิมมานรดีประเสริฐกว่าเทพชั้นดุสิต  ขอรับ"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
เทพชั้นนิมมานรดีกับเทพชั้นปรนิมมิตวสวัตดี  อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

"เทพชั้นปรนิมมิตวสวัตดีประเสริฐกว่าเทพชั้นนิมมานรดี  ขอรับ"

"ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
เทพชั้นปรนิมมิตวสวัตดีกับพรหมโลก  อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน"

ธนัญชานิพราหมณ์ตอบว่า
"พระคุณเจ้าสารีบุตรกล่าวว่า  'พรหมโลก'
พระคุณเจ้าสารีบุตรกล่าวว่า  'พรหมโลก"

ครั้งนั้น  ท่านพระสารีบุตรมีความคิดว่า
"พราหมณ์เหล่านี้น้อมใจไปในพรหมโลก
ทางที่ดี  เราควรแสดงทางเพื่อเข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับพรหมแก่ธนัญชานิพราหมณ์"
จึงกล่าวว่า
"ธนัญชานิ  เราจักแสดงทางเพื่อเข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับพรหม
ท่านจงฟัง  จงใส่ใจให้ดี  เราจักกล่าว"

ธนัญชานิพราหมณ์รับคำแล้ว


[ ทางเพื่อเข้าถึงความเป็นพรหม ]
ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่า
"ธนัญชานิ
ทางเพื่อเข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับพรหม  เป็นอย่างไร
คือ  ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
มีเมตตาจิตแผ่ไปตลอดทิศที่ ๑ ...  ทิศที่ ๒ ...  ทิศที่ ๓ ...  ทิศที่ ๔ ...
ทิศเบื้องบน (เทวโลก)  ทิศเบื้องล่าง (นรกและนาค)  ทิศเฉียง (ทิศย่อยของทิศใหญ่)
แผ่ไปตลอดโลกทั่วทุกหมู่เหล่า  ในที่ทุกสถาน
ด้วยเมตตาจิตอันไพบูลย์  เป็นมหัคคตะ  ไม่มีขอบเขต  ไม่มีเวร  ไม่มีความเบียดเบียนอยู่
นี้เป็นทางเพื่อเข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับพรหม

อีกประการหนึ่ง
ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
มีกรุณาจิต  ฯลฯ
มีมุทิตาจิต  ฯลฯ

มีอุเบกขาจิตแผ่ไปตลอดทิศที่ ๑ ...  ทิศที่ ๒ ...  ทิศที่ ๓ ...  ทิศที่ ๔ ...
ทิศเบื้องบน  ทิศเบื้องล่าง  ทิศเฉียง
แผ่ไปตลอดโลกทั่วทุกหมู่เหล่า  ในที่ทุกสถาน
ด้วยอุเบกขาจิตอันไพบูลย์  เป็นมหัคคตะ  ไม่มีขอบเขต  ไม่มีเวร  ไม่มีความเบียดเบียนอยู่
นี้เป็นทางเพื่อเข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับพรหม"

ธนัญชานิพราหมณ์กล่าวว่า
"พระคุณเจ้าสารีบุตร
ถ้าเช่นนั้น  ขอพระคุณเจ้าจงถวายอภิวาทพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า  ตามคำของโยมว่า
'ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ธนัญชานิพราหมณ์ป่วย  มีทุกข์  เป็นไข้หนัก
เขาขอถวายอภิวาทพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า"

ครั้งนั้น
ท่านพระสารีบุตรทำให้ธนัญชานิพราหมณ์ดำรงอยู่ในพรหมโลกชั้นต่ำในเมื่อมีกิจที่จะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไป  ลุกจากอาสนะแล้วจากไป

ลำดับนั้น
เมื่อท่านพระสารีบุตรจากไปไม่นาน  ธนัญชานิพราหมณ์ก็ตายไปบังเกิดในพรหมโลก

ครั้งนั้น  พระผู้มีพระภาครับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า
"ภิกษุทั้งหลาย
สารีบุตรนี้ทำให้ธนัญชานิพราหมณ์ดำรงอยู่ในพรหมโลกชั้นต่ำในเมื่อมีกิจที่จะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไป  ลุกจากอาสนะแล้วจากไป"

ต่อมา
ท่านพระสารีบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ  ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง  ณ  ที่สมควร  ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ธนัญชานิพราหมณ์ป่วย  มีทุกข์  เป็นไข้หนัก
เขาขอถวายอภิวาทพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า"

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
"สารีบุตร
ทำไมเธอจึงทำให้ธนัญชานิพราหมณ์ดำรงอยู่ในพรหมโลกชั้นต่ำในเมื่อมีกิจที่จะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไป  แล้วลุกจากอาสนะจากไปเสียเล่า"

ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ข้าพระองค์คิดอย่างนี้ว่า
'พราหมณ์เหล่านี้น้อมใจไปในพรหมโลก
ทางที่ดี  เราควรแสดงทางเพื่อเข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับพรหมเถิด"

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
"สารีบุตร  ธนัญชานิพราหมณ์ตายไปบังเกิดในพรหมโลกแล้ว"
ดังนี้แล


ธนัญชานิสูตร  จบ


บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พยสนสูตร (อังคุตตรนิกาย > ปัญจกนิบาต > ตติยปัณณาสก์ > คิลานวรรค)

กาลียักขินีวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > ยมกวรรค)

ปฏาจาราเถรีวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > สหัสสวรรค)