นิทานสูตร (อังคุตตรนิกาย > ทุกนิบาต > ปฐมปัณณาสก์ > เทวทูตวรรค)


นิทานสูตร  (ว่าด้วยเหตุเกิดแห่งกรรม)

สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า


[ เหตุให้เกิดอกุศลกรรม ]
"ภิกษุทั้งหลาย
เหตุให้เกิดกรรม ๓ ประการนี้

เหตุให้เกิดกรรม ๓ ประการ  อะไรบ้าง  คือ
๑. โลภะ (ความอยากได้)  เป็นเหตุให้เกิดกรรม
๒. โทสะ (ความคิดประทุษร้าย)  เป็นเหตุให้เกิดกรรม
๓. โมหะ (ความหลง)  เป็นเหตุให้เกิดกรรม

กรรมที่ถูกโลภะครอบงำ  เกิดจากโลภะ  มีโลภะเป็นเหตุ  มีโลภะเป็นแดนเกิด
ย่อมให้ผลในที่ซึ่งอัตภาพของเขาเกิด
บุคคลต้องเสวยผลกรรมนั้นในขันธ์ที่กรรมนั้นให้ผลในปัจจุบัน  ในลำดับที่เกิด  หรือในระยะต่อไป

กรรมที่ถูกโทสะครอบงำ  เกิดจากโทสะ  มีโทสะเป็นเหตุ  มีโทสะเป็นแดนเกิด
ย่อมให้ผลในที่ซึ่งอัตภาพของเขาเกิด
บุคคลต้องเสวยผลกรรมนั้นในขันธ์ที่กรรมนั้นให้ผลในปัจจุบัน  ในลำดับที่เกิด  หรือในระยะต่อไป

กรรมที่ถูกโมหะครอบงำ  เกิดจากโมหะ  มีโมหะเป็นเหตุ  มีโมหะเป็นแดนเกิด
ย่อมให้ผลในที่ซึ่งอัตภาพของเขาเกิด
บุคคลต้องเสวยผลกรรมนั้นในขันธ์ที่กรรมนั้นให้ผลในปัจจุบัน  ในลำดับที่เกิด  หรือในระยะต่อไป

เปรียบเหมือนเมล็ดพืชที่ไม่แตกหัก  ไม่เสียหาย  ไม่ถูกลมและแดดกระทบ  มีแก่นใน  ถูกเก็บไว้อย่างดี
ถูกหว่านลงบนพื้นดินที่เตรียมไว้ดี  ในนาดี  และฝนก็ตกดี
เมล็ดพืชที่ฝนตกรดอย่างนั้น  ย่อมถึงความเจริญงอกงาม  ไพบูลย์  แม้ฉันใด

กรรมที่ถูกโลภะครอบงำ  เกิดจากโลภะ  มีโลภะเป็นเหตุ  มีโลภะเป็นแดนเกิด  ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ย่อมให้ผลในที่ซึ่งอัตภาพของเขาเกิด
บุคคลต้องเสวยผลกรรมนั้นในขันธ์ที่กรรมนั้นให้ผลในปัจจุบัน  ในลำดับที่เกิด  หรือในระยะต่อไป

กรรมที่ถูกโทสะครอบงำ  เกิดจากโทสะ  มีโทสะเป็นเหตุ  มีโทสะเป็นแดนเกิด
ย่อมให้ผลในที่ซึ่งอัตภาพของเขาเกิด
บุคคลต้องเสวยผลกรรมนั้นในขันธ์ที่กรรมนั้นให้ผลในปัจจุบัน  ในลำดับที่เกิด  หรือในระยะต่อไป

กรรมที่ถูกโมหะครอบงำ  เกิดจากโมหะ  มีโมหะเป็นเหตุ  มีโมหะเป็นแดนเกิด
ย่อมให้ผลในที่ซึ่งอัตภาพของเขาเกิด
บุคคลต้องเสวยผลกรรมนั้นในขันธ์ที่กรรมนั้นให้ผลในปัจจุบัน  ในลำดับที่เกิด  หรือในระยะต่อไป

ภิกษุทั้งหลาย  เหตุให้เกิดกรรม ๓ ประการนี้แล


[ เหตุให้เกิดกุศลกรรม ]
ภิกษุทั้งหลาย
เหตุให้เกิดกรรม ๓ ประการนี้

เหตุให้เกิดกรรม ๓ ประการ  อะไรบ้าง  คือ
๑. อโลภะ (ความไม่โลภ)  เป็นเหตุให้เกิดกรรม
๒. อโทสะ (ความไม่คิดประทุษร้าย)  เป็นเหตุให้เกิดกรรม
๓. อโมหะ (ความไม่หลง)  เป็นเหตุให้เกิดกรรม

กรรมที่ถูกอโลภะครอบงำ  เกิดจากอโลภะ  มีอโลภะเป็นเหตุ  มีอโลภะเป็นแดนเกิด
เมื่อสิ้นโลภะแล้ว  เป็นอันบุคคลละกรรมนั้นได้  ตัดรากถอนโคนได้
เหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้ว  เหลือแต่พื้นที่  ทำให้ไม่มี  เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้

กรรมที่ถูกอโทสะครอบงำ  เกิดจากอโทสะ  มีอโทสะเป็นเหตุ  มีอโทสะเป็นแดนเกิด
เมื่อสิ้นโทสะแล้ว  เป็นอันบุคคลละกรรมนั้นได้  ตัดรากถอนโคนได้
เหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้ว  เหลือแต่พื้นที่  ทำให้ไม่มี  เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้

กรรมที่ถูกอโมหะครอบงำ  เกิดจากอโมหะ  มีอโมหะเป็นเหตุ  มีอโมหะเป็นแดนเกิด
เมื่อสิ้นโมหะแล้ว  เป็นอันบุคคลละกรรมนั้นได้  ตัดรากถอนโคนได้
เหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้ว  เหลือแต่พื้นที่  ทำให้ไม่มี  เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้

เมล็ดพืชไม่แตกหัก  ไม่เสียหาย  ไม่ถูกลมและแดดกระทบ  มีแก่นใน  ถูกเก็บไว้อย่างดี
บุรุษพึงเอาไฟเผาเมล็ดพืชเหล่านั้น
ครั้นเอาไฟเผาแล้ว  ทำให้เป็นเขม่า
ครั้นทำให้เป็นเขม่าแล้ว  พึงโปรยลงในลมที่พัดแรง  หรือลอยเสียในแม่น้ำมีกระแสไหลเชี่ยว
เมล็ดพืชอันนั้นชื่อว่าถูกตัดรากถอนโคน  เหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้ว  เหลือแต่พื้นที่  ทำให้ไม่มี  เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้  แม้ฉันใด

กรรมที่ถูกอโลภะครอบงำ  เกิดจากอโลภะ  มีอโลภะเป็นเหตุ  มีอโลภะเป็นแดนเกิด  ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
เมื่อสิ้นโลภะแล้ว  เป็นอันบุคคลละกรรมนั้นได้  ตัดรากถอนโคนได้
เหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้ว  เหลือแต่พื้นที่  ทำให้ไม่มี  เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้

กรรมที่ถูกอโทสะครอบงำ  เกิดจากอโทสะ  มีอโทสะเป็นเหตุ  มีอโทสะเป็นแดนเกิด
เมื่อสิ้นโทสะแล้ว  เป็นอันบุคคลละกรรมนั้นได้  ตัดรากถอนโคนได้
เหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้ว  เหลือแต่พื้นที่  ทำให้ไม่มี  เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้

กรรมที่ถูกอโมหะครอบงำ  เกิดจากอโมหะ  มีอโมหะเป็นเหตุ  มีอโมหะเป็นแดนเกิด
เมื่อสิ้นโมหะแล้ว  เป็นอันบุคคลละกรรมนั้นได้  ตัดรากถอนโคนได้
เหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้ว  เหลือแต่พื้นที่  ทำให้ไม่มี  เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้

ภิกษุทั้งหลาย  เหตุให้เกิดกรรม ๓ ประการนี้แล"

จากนั้น  พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
       "คนเขลาทำกรรมที่เกิดเพราะโลภะ  โทสะ  และโมหะ
กรรมที่คนเขลานั้นทำแล้วจะมากหรือน้อยก็ตาม
ย่อมให้ผลในอัตภาพนี้แล
สิ่งอื่นที่จะรองรับผลกรรมนั้นไม่มี
       เพราะเหตุนั้น  ภิกษุผู้รู้โลภะ  โทสะ  และโมหะ
จึงไม่ทำกรรมที่เกิด  เพราะเมื่อทำวิชชาให้เกิดขึ้น
ย่อมละทุคติทั้งปวงได้"


นิทานสูตร  จบ


บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พยสนสูตร (อังคุตตรนิกาย > ปัญจกนิบาต > ตติยปัณณาสก์ > คิลานวรรค)

กาลียักขินีวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > ยมกวรรค)

ปฏาจาราเถรีวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > สหัสสวรรค)