มหาธนเสฏฐิปุตตวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > ชราวรรค)


มหาธนเสฏฐิปุตตวัตถุ  (เรื่องบุตรเศรษฐีผู้มีทรัพย์มาก)

สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ทรงปรารภบุตรเศรษฐีผู้มีทรัพย์มาก  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า


พวกนักเลงชวนลูกเศรษฐีให้ดื่มเหล้า ]
ได้ยินว่า  บุตรเศรษฐีนั้นเกิดในตระกูลผู้มีสมบัติ ๘๐ โกฏิ  ในกรุงพาราณสี
ครั้งนั้น  มารดาบิดาของเขาคิดว่า
"ในตระกูลของเรามีกองโภคะเป็นอันมาก
เราจะมอบกองโภคะนั้นให้บุตรของเรา  ให้บุตรของเราได้อยู่อย่างสบาย
กิจด้วยการงานอย่างอื่นไม่จำเป็นต้องมี"

ดังนี้แล้ว  จึงให้เขาเรียนเฉพาะวิชาบันเทิง  อาทิเช่นการเต้น  การร้อง  และการเล่นดนตรีเท่านั้น

ในพระนครนั้น  มีธิดาเศรษฐีคนหนึ่งเกิดในตระกูลซึ่งมีสมบัติ ๘๐ โกฏิเหมือนกัน
บิดามารดาของนางก็มีความคิดอย่างนั้นเหมือนกัน
จึงให้นางเรียนเฉพาะการบันเทิงเช่นเดียวกัน

เมื่อเขาทั้งสองเจริญวัยแล้ว  ก็ได้มีการอาวาหวิวาหมงคล (แต่งงาน) กัน
ต่อมาภายหลัง  มารดาบิดาของคนทั้งสองนั้นได้ถึงแก่กรรม
ทรัพย์ ๑๖๐ โกฏิก็ได้รวมอยู่ในเรือนเดียวกันทั้งหมด

ในสมัยนั้น  เศรษฐีทุกคนต้องไปเข้าเฝ้าพระราชาวันละ ๓ ครั้ง

วันหนึ่ง  พวกนักเลงสุราในพระนครนั้นคิดกันว่า
"ถ้าบุตรเศรษฐีนี้เป็นนักเลงสุราเหมือนพวกเรา  พวกเราก็จะสบาย
เรามาทำให้เขาเป็นนักเลงสุรากันเถอะ"

แล้วจึงถือเอาสุรา  มัดเนื้อสำหรับแกล้มและก้อนเกลือไว้ที่ชายผ้า  ถือหัวผักกาด  ตั้งวงนั่งดื่มในระหว่างทางที่บุตรเศรษฐีจะเดินกลับจากพระราชวัง

เมื่อเห็นบุตรเศรษฐีเดินมา  จึงยกสุราขึ้นดื่ม  เอาก้อนเกลือใส่เข้าในปาก  กัดหัวผักกาด  แล้วกล่าวกับบุตรเศรษฐีว่า
"ขอให้ท่านจงเป็นอยู่ ๑๐๐ ปีเถิด
ถ้าพวกผมได้อาศัยท่าน  ก็จะสามารถเคี้ยวดื่มได้เต็มที่"

บุตรเศรษฐีเห็นท่าทางของพวกนักเลงสุราและฟังคำนั้นแล้ว
จึงถามคนใช้สนิทผู้ตามมาข้างหลังว่า
"พวกนั้นดื่มอะไรกัน"

คนใช้ตอบว่า  "น้ำดื่มชนิดหนึ่ง  นาย"

บุตรเศรษฐีถามว่า  "มันมีรสชาติอร่อยหรือ"

คนใช้ตอบว่า  "นาย  ในโลกนี้  น้ำที่ควรดื่มยิ่งกว่าน้ำชนิดนี้  ไม่มีอีกแล้ว"

บุตรเศรษฐีจึงพูดว่า  "เมื่อเป็นเช่นนั้น  เจ้าจงหามาให้เราดื่ม"

ด้วยเหตุนั้น  บุตรเศรษฐีจึงได้ดื่มและติดใจในสุราแล้ว


[ เศรษฐีบุตรหมดตัวเพราะประพฤติอบายมุข ]
เมื่อนักเลงสุราเหล่านั้นรู้ว่าบุตรเศรษฐีติดใจในสุราแล้ว
จึงพากันแวดล้อมบุตรเศรษฐีนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน  บุตรเศรษฐีก็ได้มีบริวารเป็นนักเลงสุราจำนวนมาก

บุตรเศรษฐีนั้นให้นำสุรามาด้วยทรัพย์ ๑๐๐ บ้าง  ๒๐๐ บ้าง
แม้ในขณะที่ดื่มอยู่  ก็กล่าวว่า
"จงนำเอาดอกไม้มาด้วยเงินเท่านี้
จงนำเอาของหอมมาด้วยเงินเท่านี้
คนนี้ร้องเก่ง
คนนี้เต้นเก่ง
คนนี้เล่นดนตรีเก่ง
ให้เงินรางวัล ๑,๐๐๐ แก่คนนี้
ให้เงินรางวัล ๒,๐๐๐ แก่คนนี้"

เมื่อใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอย่างนั้น
ไม่นานนัก  ทรัพย์ ๘๐ โกฏิอันเป็นของตนก็หมดไป

เมื่อเหรัญญิกมาแจ้งว่า  "นาย  ทรัพย์ของนายหมดแล้ว"
จึงถามว่า  "ทรัพย์ของภรรยาของข้าไม่มีหรือ"
เหรัญญิกตอบว่า  "ยังมีนาย"
จึงบอกว่า  "ถ้ากระนั้น  จงเอาทรัพย์นั้นมา"

ด้วยเหตุนี้  เขาได้ผลาญทรัพย์ทั้ง ๑๖๐ โกฏิให้สิ้นไปแล้ว
จากนั้น  เขาได้ขายข้าวของเครื่องใช้และสมบัติที่ยังมีอยู่  คือ  นา  สวนดอกไม้  สวนผลไม้  ยานพาหนะ  เป็นต้น
ในที่สุด  เขาก็ไม่มีบ้านอยู่


[ เศรษฐีต้องเที่ยวขอทาน ]
ในเวลาที่เขาแก่ลง  เขาต้องพาภรรยาเที่ยวเร่ร่อนขอทาน  อาศัยอาหารที่เป็นเดนของคนอื่น

ครั้งนั้น  พระผู้มีพระภาคทอดพระเนตรเห็นเขายืนอยู่ที่ประตูโรงฉัน
คอยรับโภชนะที่เหลือจากภิกษุสามเณร
จึงทรงแย้มพระโอษฐ์

ลำดับนั้น  พระอานนท์ทูลถามถึงเหตุที่ทรงแย้มพระโอษฐ์
พระศาสดาจึงตรัสว่า
"อานนท์  เธอจงดูบุตรเศรษฐีผู้มีทรัพย์มากผู้นี้
เขาผลาญทรัพย์ทั้ง ๑๖๐ โกฏิ  พาภรรยาเที่ยวขอทานอยู่ในนครนี้

ก็ถ้าบุตรเศรษฐีไม่ผลาญทรัพย์ให้หมดสิ้น  รู้จักทำการงานในปฐมวัย
เขาก็จะได้เป็นเศรษฐีชั้นเลิศในนครนี้
และถ้าออกบวช  ก็จะบรรลุอรหัต
แม้ภรรยาของเขาก็จะดำรงอยู่ในอนาคามิผล

ถ้าไม่ผลาญทรัพย์ให้หมดไป  ทำการงานในมัชฌิมวัย
ก็จะได้เป็นเศรษฐีชั้นที่ ๒
ถ้าออกบวช  ก็จะได้เป็นอนาคามี
แม้ภรรยาของเขาก็จะดำรงอยู่ในสกทาคามิผล

ถ้าไม่ผลาญทรัพย์ให้หมดไป  ทำการงานในปัจฉิมวัย
ก็จะได้เป็นเศรษฐีชั้นที่ ๓
ถ้าออกบวช  ก็จะได้เป็นสกทาคามี
แม้ภรรยาของเขาก็จะดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล

แต่เดี๋ยวนี้  บุตรเศรษฐีนั้นเสื่อมแล้วจากโภคะของคฤหัสถ์
และเสื่อมแล้วจากสามัญผล (ผลที่ควรได้จากเพศสมณะ)
ก็แล  ครั้นเสื่อมแล้ว
จึงเป็นเหมือนนกกะเรียนในเปือกตมแห้ง  ฉะนั้น"

ดังนี้แล้ว  จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
       "พวกคนเขลาไม่ประพฤติตนให้เป็นคนดี
ในวัยหนุ่มสาวก็ไม่ได้หาทรัพย์ไว้  ย่อมซบเซา
เหมือนนกกระเรียนแก่ซบเซาอยู่ที่เปือกตมไร้ปลา  ฉะนั้น
       พวกคนเขลาไม่ประพฤติตนให้เป็นคนดี
ในวัยหนุ่มสาวก็ไม่ได้หาทรัพย์ไว้
ย่อมนอนรำพึงถึงความหลัง
ดุจลูกธนูที่พ้นจากแล่ง  ฉะนั้น"

ในกาลจบพระธรรมเทศนา
ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น  ดังนี้แล


มหาธนเสฏฐิปุตตวัตถุ  จบ


บทความที่เกี่ยวข้อง
๑. ครูคนแรกควรสอนอะไร

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พยสนสูตร (อังคุตตรนิกาย > ปัญจกนิบาต > ตติยปัณณาสก์ > คิลานวรรค)

กาลียักขินีวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > ยมกวรรค)

ปฏาจาราเถรีวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > สหัสสวรรค)