สุปปพุทธกุฏฐิสูตร (ขุททกนิกาย > อุทาน > โสณเถรวรรค)


สุปปพุทธกุฏฐิสูตร  (ว่าด้วยชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะ)

สมัยหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่  ณ  พระเวฬุวัน  กลันทกนิวาปสถาน  เขตกรุงราชคฤห์

สมัยนั้น  ชายคนหนึ่งชื่อสุปปพุทธะ  เป็นโรคเรื้อน  ยากจน  กำพร้า  ยากไร้

วันหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคมีบริษัทหมู่ใหญ่แวดล้อมประทับนั่งแสดงธรรมอยู่
ชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะได้เห็นหมู่มหาชนนั้นนั่งประชุมกันแต่ที่ไกล
ได้มีความคิดดังนี้ว่า
"ชนทั้งหลายกำลังแจกของเคี้ยวหรือของบริโภคในที่นี้เป็นแน่
ทางที่ดี  เราควรเข้าไปยังหมู่มหาชนนั้น
พึงได้ของเคี้ยวหรือของบริโภคในที่นี้บ้าง"

ลำดับนั้น
ชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะได้เข้าไปยังหมู่มหาชนนั้น
ได้เห็นพระผู้มีพระภาคมีบริษัทหมู่ใหญ่แวดล้อมประทับนั่งแสดงธรรมอยู่
จึงมีความคิดดังนี้ว่า
"ชนทั้งหลายคงไม่แจกของเคี้ยวหรือของบริโภคในที่นี้
พระสมณโคดมนี้แสดงธรรมในบริษัท
ทางที่ดี  เราควรฟังธรรมบ้าง"
จึงนั่งลง  ณ  ที่สมควรในที่นั้น  ด้วยตั้งใจว่า  "เราจักฟังธรรม"

ขณะนั้น
พระผู้มีพระภาคทรงมนสิการกำหนดจิตของบริษัททุกหมู่เหล่าด้วยพระทัยว่า
"ในบริษัทนี้  ใครหนอแลควรรู้แจ้งธรรม"

พระผู้มีพระภาคทอดพระเนตรเห็นชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะนั่งอยู่ในบริษัทนั้น
จึงทรงพระดำริดังนี้ว่า  "ในบริษัทนี้  ชายคนนี้แลควรรู้แจ้งธรรม"

พระองค์ทรงปรารภชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะ
จึงตรัสอนุปุพพีกถา  คือ  ทรงประกาศ
๑. ทานกถา  (เรื่องทาน)
๒. สีลกถา  (เรื่องศีล)
๓. สัคคกถา  (เรื่องสวรรค์)
๔. กามาทีนวกถา  (เรื่องโทษ  ความต่ำทราม  ความเศร้าหมองแห่งกาม)
๕. เนกขัมมานิสังสกถา  (เรื่องอานิสงส์แห่งการออกจากกาม)

เมื่อทรงทราบว่าชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะมีจิตควรบรรลุธรรม
สงบ  อ่อน  ปราศจากนิวรณ์  เบิกบาน  ผ่องใส
จึงทรงประกาศสามุกกังสิกเทศนา (อริยสัจ ๔) ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
คือ  ทุกข์  สมุทัย  นิโรธ  มรรค

ธรรมจักษุอันไร้ธุลี  ปราศจากมลทิน
ได้เกิดแก่ชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะ  ณ  ที่นั่งนั้นนั่นเองว่า
'สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา'

เปรียบเหมือนผ้าขาวสะอาด  ปราศจากมลทิน
ควรรับน้ำย้อมได้เป็นอย่างดี

ครั้งนั้นแล
ชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะได้เห็นธรรม  บรรลุธรรม  รู้ธรรม  หยั่งลงสู่ธรรม
ข้ามพ้นความสงสัย  ปราศจากความเคลือบแคลง  ถึงความแกล้วกล้า
ปราศจากความมีผู้อื่นเป็นปัจจัยในศาสนาของพระศาสดา
ลุกจากที่นั่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ถวายอภิวาท  แล้วนั่ง  ณ  ที่สมควร
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ภาษิตของพระองค์ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ภาษิตของพระองค์ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก
พระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมแจ่มแจ้งโดยประการต่าง ๆ
เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ  เปิดของที่ปิด
บอกทางแก่ผู้หลงทาง  หรือตามประทีปในที่มืด  โดยตั้งใจว่าคนมีตาดีจักเห็นรูปได้
ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระผู้มีพระภาคพร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ
ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะ
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต"

เมื่อชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะ
ได้ฟังพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นชัด
ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ
เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า
ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถาแล้ว
ก็ชื่นชมยินดีพระภาษิตที่พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว
จึงลุกจากที่นั่ง  ถวายอภิวาท  แล้วลุกขึ้นทำประทักษิณจากไป

ทันใดนั้นเอง
โคแม่ลูกอ่อนได้ขวิดชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะผู้จากไปไม่นาน
จนล้มลงเสียชีวิต

ลำดับนั้น
ภิกษุจำนวนมากเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ถวายอภิวาท  แล้วนั่ง  ณ  ที่สมควร  ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะ
ผู้ได้ฟังพระดำรัสที่พระองค์ทรงชี้แจงให้เห็นชัด
ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ
เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า
ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา
เขาเสียชีวิตแล้ว
คติของเขาเป็นอย่างไร  สัมปรายภพของเขาเป็นอย่างไร  พระพุทธเจ้าข้า"

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
"ภิกษุทั้งหลาย
ชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะเป็นบัณฑิต  ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
และไม่เบียดเบียนเราให้ลำบากเพราะธรรมเป็นเหตุ
ชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะ  เป็นโสดาบัน  เพราะสังโยชน์ ๓ ประการสิ้นไป
ไม่มีทางตกต่ำ  มีความแน่นอนที่จะสำเร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า"

เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้
ภิกษุรูปหนึ่งได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อะไรหนอแลเป็นเหตุ  อะไรเป็นปัจจัย
ที่ทำให้ชายชื่อสุปปพุทธะเป็นโรคเรื้อน  ยากจน  กำพร้า  ยากไร้  พระพุทธเจ้าข้า"

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
"ภิกษุทั้งหลาย
ชาติก่อน  ชายโรคเรื้อนชื่อสุปปพุทธะเป็นบุตรเศรษฐีในกรุงราชคฤห์นี้เอง
เขาออกไปยังสวนสาธารณะ
ได้เห็นพระปัจเจกพุทธะนามว่าตครสิขีกำลังเดินบิณฑบาตในพระนคร
เขาครั้นเห็นแล้ว  จึงได้มีความคิดอย่างนี้ว่า
'ใครนี่เป็นโรคเรื้อนห่มผ้าสกปรกเที่ยวไป'
แล้วถ่มน้ำลาย  เดินแซงไปทางด้านซ้าย

เพราะผลแห่งกรรมนั้น
เขาไหม้อยู่ในนรกหลายร้อยปี  หลายพันปี  หลายแสนปี
เพราะเศษแห่งวิบากกรรมนั้นยังเหลืออยู่
เขาจึงเกิดเป็นชายโรคเรื้อน  ยากจน  กำพร้า  ยากไร้ในกรุงราชคฤห์นี้เอง

เขาอาศัยธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศไว้แล้ว
ยึดมั่นศรัทธา  ศีล  สุตะ  จาคะ  ปัญญา

เขาครั้นได้อาศัยธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศไว้แล้ว
ยึดมั่นศรัทธา  ศีล  สุตะ  จาคะ  ปัญญา
หลังจากตายแล้ว  เขาจึงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์
เข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับเทวดาชั้นดาวดึงส์
และรุ่งโรจน์เหนือกว่าเทวดาเหล่าอื่นในชั้นดาวดึงส์นั้นด้วยวรรณะและยศ"

ลำดับนั้น  พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว
จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
       "บัณฑิตในโลกนี้  เมื่อยังมีความบากบั่นอยู่
ควรละเว้นบาปทุกอย่าง
เหมือนคนตาดีละเว้นทางขรุขระ  ฉะนั้น"


สุปปพุทธกุฏฐิสูตร  จบ



บทความที่เกี่ยวข้อง
๑. สมบัติที่จำเป็นต้องมี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พยสนสูตร (อังคุตตรนิกาย > ปัญจกนิบาต > ตติยปัณณาสก์ > คิลานวรรค)

กาลียักขินีวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > ยมกวรรค)

ปฏาจาราเถรีวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > สหัสสวรรค)