สักกเทวราชวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > ตัณหาวรรค)


สักกเทวราชวัตถุ  (เรื่องท้าวสักกะจอมเทพ)

พระผู้มีพระภาคเมื่อประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน  เขตกรุงสาวัตถี
ทรงปรารภท้าวสักกเทวราช  แล้วตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า


[ ปัญหา ๔ ข้อของเทวดา ]
ในสมัยหนึ่ง  เทวดาในดาวดึงสเทวโลกประชุมกัน  แล้วตั้งปัญหาขึ้น ๔ ข้อว่า
"ในบรรดาทานทั้งหลาย  ทานชนิดไหนจัดว่าเยี่ยม
ในบรรดารสทั้งหลาย  รสชนิดไหนจัดว่ายอด
ในบรรดาความยินดีทั้งหลาย  ความยินดีชนิดไหนจัดว่าเลิศ
ความสิ้นไปแห่งตัณหา  จัดว่าประเสริฐที่สุด  เพราะเหตุไร"

ในบรรดาเทวดาทั้งสิ้น  แม้เทวดาสักองค์หนึ่งก็ตอบปัญหาเหล่านั้นไม่ได้
เทวดาองค์หนึ่งถามปัญหาเหล่านั้นกะเทวดาองค์หนึ่ง
แม้เทวดาองค์นั้นก็ถามเทวดาองค์อื่นอีก
สรุปว่าเทวดาทั้งหลายเที่ยวไปในหมื่นจักรวาล  ถามกันและกันอย่างนั้นอยู่ถึง ๑๒ ปี


[ เทวดาพากันไปถามปัญหาท้าวมหาราชทั้ง ๔ ]
แม้เทวดาในหมื่นจักรวาลก็ไม่รู้คำตอบแห่งปัญหานั้น  โดยกาลล่วงไปเช่นนี้  จึงประชุมกัน  แล้วไปหาท้าวมหาราชทั้ง ๔

ท้าวมหาราชถามว่า  "พ่อทั้งหลาย  ทำไมจึงประชุมกันมากมาย"

เทวดาเหล่านั้นกล่าวว่า  "พวกข้าพเจ้าตั้งปัญหาขึ้น ๔ ข้อแล้ว  แต่ไม่มีผู้ใดตอบได้  จึงมาหาท่าน"

ท้าวมหาราชถามว่า  "ปัญหาอะไรกัน"

เทวดาเหล่านั้นจึงบอกเนื้อความนั้นว่า
"พวกข้าพเจ้าไม่สามารถแก้ปัญหาต่อไปนี้ได้  คือ
'บรรดาทาน  รส  และความยินดี
ทาน  รส  และความยินดีชนิดไหนหนอ  ประเสริฐสุด
ความสิ้นไปแห่งตัณหาเท่านั้นประเสริฐสุด  เพราะเหตุไร'
จึงมาหาท่าน"

ท้าวมหาราชทั้ง ๔ กล่าวว่า
"พ่อทั้งหลาย  แม้พวกเราก็หารู้คำตอบแห่งปัญหาเหล่านี้ไม่
แต่พระราชาของพวกเราทรงคิดคำตอบที่คนตั้ง ๑,๐๐๐ ผูกขึ้น
เพียงครู่เดียวก็ทรงทราบคำตอบ
พระองค์ประเสริฐกว่าพวกเราทั้งทางปัญญาและทางบุญ
พวกเราจงไปเฝ้าพระองค์เถิด"

แล้วพาหมู่เทวดาเหล่านั้นไปเฝ้าท้าวสักกเทวราช

ท้าวสักกเทวราชตรัสว่า  "พ่อทั้งหลาย  ทำไมเทพจึงชุมนุมกันมากมาย"
ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ก็กราบทูลเรื่องนั้นให้ทรงทราบ


[ ท้าวสักกะทรงพาพวกเทวดาไปเฝ้าพระศาสดา ]
ท้าวสักกะตรัสว่า
"พ่อทั้งหลาย  คนอื่นย่อมไม่สามารถรู้คำตอบแห่งปัญหาเหล่านี้ได้
ปัญหาเหล่านี้เป็นวิสัยของพระพุทธเจ้า"

แล้วตรัสถามว่า  "ก็เดี๋ยวนี้  พระศาสดาประทับอยู่  ณ  ที่ไหน"
ทรงสดับว่าในพระเชตวันวิหาร
จึงตรัสว่า  "มาเถิด  พวกเราจักไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคกัน"

ทรงพร้อมด้วยหมู่เทวดา  ทำพระเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสวในเวลาแห่งราตรี
เข้าไปเฝ้าพระศาสดา  ถวายบังคม  แล้วประทับยืนอยู่  ณ  ที่สมควรข้างหนึ่ง

พระศาสดาตรัสว่า  "มหาบพิตร  ทำไมพระองค์จึงเสด็จมาพร้อมกับหมู่เทวดามากมาย"

ท้าวสักกะกราบทูลว่า  "พระเจ้าข้า  หมู่เทวดาพากันตั้งปัญหาเหล่านี้ขึ้น
คนอื่นที่จะรู้คำตอบแห่งปัญหาเหล่านี้ได้  หามีไม่
ขอพระองค์ได้ทรงเฉลยคำตอบแห่งปัญหาเหล่านี้แก่พวกข้าพระองค์เถิด"

[ พระศาสดาทรงแก้ปัญหา ]
พระศาสดาตรัสว่า
"ดีละ  มหาบพิตร  ตถาคตบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศ  บริจาคมหาบริจาค  แทงตลอดพระสัพพัญญุตญาณแล้ว
ก็เพื่อขจัดความสงสัยของชนผู้เช่นพระองค์นี่แหละ
ขอพระองค์จงทรงสดับปัญหาที่พระองค์ถามแล้วเถิด

บรรดาทานทุกชนิด  ธรรมทานเป็นเยี่ยม
บรรดารสทุกชนิด  รสแห่งพระธรรมเป็นยอด
บรรดาความยินดีทุกชนิด  ความยินดีในธรรมประเสริฐ
ส่วนความสิ้นไปแห่งตัณหาประเสริฐที่สุดแท้
เพราะเป็นเหตุให้บรรลุพระอรหัต"

แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า
       "การให้ธรรม  ชนะการให้ทั้งปวง
รสแห่งธรรม  ชนะรสทั้งปวง
ความยินดีในธรรม  ชนะความยินดีทั้งปวง
ความสิ้นไปแห่งตัณหา  ชนะทุกข์ทั้งปวง"

พระศาสดาตรัสต่อไปว่า
"ถึงแม้บุคคลจะถวายไตรจีวรเช่นกับใบตองอ่อน  แด่พระพุทธเจ้า  พระปัจเจกพุทธเจ้า  และพระขีณาสพทั้งหลาย  ผู้นั่งติด ๆ กันในห้องจักรวาลตลอดถึงพรหมโลก
การอนุโมทนาที่พระพุทธเจ้าเป็นต้น  ทรงทำด้วยพระคาถา ๔ บาทในสมาคมนั้นนั่นแล  ประเสริฐที่สุด
ก็ทานนั้นหามีค่าถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งพระคาถานั้นไม่
การแสดงก็ดี  การกล่าวสอนก็ดี  การสดับก็ดี  ซึ่งธรรม  จึงสำคัญด้วยประการฉะนี้

อนึ่ง  บุคคลใดทำให้มีการฟังธรรม  อานิสงส์เป็นอันมากก็ย่อมมีแก่บุคคลนั้นแท้

ธรรมทานที่พระพุทธเจ้าเป็นต้นให้เป็นไปแล้ว  ด้วยการอนุโมทนา  ด้วยพระคาถาเพียง ๔ บาทเท่านั้น  ประเสริฐ
ทั้งกว่าทานที่ทายกใส่บิณฑบาตอันประณีตจนเต็มบาตรแล้วถวายแก่บริษัทเห็นปานนั้นนั่นแหละ
ทั้งกว่าเภสัชทานที่ทายกใส่เนยใสและน้ำมันเป็นต้นจนเต็มบาตรแล้วถวาย
ทั้งกว่าเสนาสนทานที่ทายกให้สร้างวิหารเช่นกับมหาวิหาและปราสาทเช่นกับโลหปราสาทตั้งหลายแสนหลังแล้วถวาย
ทั้งกว่าการบริจาคที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นต้นสร้างวิหารถวาย
เพราะเหตุไร
เพราะว่าชนทั้งหลายจะทำบุญเห็นปานนั้นได้  ก็ต่อเมื่อได้ฟังธรรมแล้วเท่านั้นจึงทำได้
ถ้าไม่ได้ฟัง  ก็ทำไม่ได้

ก็ถ้าว่าบุคคลเหล่านี้ไม่ได้ฟังธรรมไซร้
เขาอาจไม่ถวายข้าวยาคูเพียงกระบวยเดียว  หรือภัตเพียงทัพพีเดียว
เพราะเหตุนี้  ธรรมทานนั่นแหละจึงประเสริฐที่สุดกว่าทานทุกชนิด

อีกอย่างหนึ่ง  นอกจากพระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว
พระสาวกทั้งหลายมีพระสารีบุตรเป็นต้น  แม้มีปัญญาซึ่งสามารถนับหยาดน้ำฝนที่ตกตลอดกัปได้  ก็ยังไม่สามารถจะบรรลุโสดาปัตติผลเป็นต้นด้วยตนเองได้
ต่อเมื่อได้ฟังธรรมที่พระอัสสชิเถระแสดงแล้ว  จึงทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล
และทำให้แจ้งซึ่งสาวกบารมีญาณ  ด้วยพระธรรมเทศนาของพระศาสดา

เพราะเหตุนี้  การให้ธรรม  จึงชนะการให้ทั้งปวง

อนึ่ง  รสทุกชนิดมีรสเกิดแต่ลำต้นเป็นต้น  จนอย่างสูงสุดแม้รสแห่ง
สุธาโภชน์ (อาหารทิพย์) ของเทวดาทั้งหลาย  ย่อมเป็นปัจจัยให้ตกไปเสวยทุกข์ในสังสารวัฏได้

ส่วนรสแห่งธรรม  กล่าวคือโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ  และโลกุตตรธรรม ๙ ประการนี้แล  ประเสริฐกว่ารสทั้งปวง

เพราะเหตุนี้  รสแห่งธรรม  จึงชนะรสทั้งปวง

อนึ่ง  แม้ความยินดีในบุตร  ความยินดีในธิดา  ความยินดีในทรัพย์  ความยินดีในสตรี  และความยินดีหลากหลายประเภทเช่นความยินดีในการฟ้อน  การขับ  การประโคมเป็นต้น  ย่อมเป็นปัจจัยให้ตกไปในสังสารวัฏได้

ส่วนปีติ (ความอิ่มใจ) ซึ่งเกิดขึ้นในใจของผู้แสดงธรรมก็ดี  ผู้ฟังธรรมก็ดี  ผู้กล่าวสอนธรรมก็ดี  ย่อมให้เกิดความเบิกบานใจ  ให้น้ำตาไหล  ให้เกิดขึ้นชูชัน
ปีตินั้นย่อมทำที่สุดแห่งสังสารวัฏ  มีพระอรหัตเป็นที่สุด
ความยินดีในธรรมเห็นปานนี้แหละ  ประเสริฐกว่าความยินดีทั้งปวง
เพราะเหตุนั้น  ความยินดีในธรรม  จึงชนะความยินดีทั้งปวง

ส่วนความสิ้นไปแห่งตัณหา  คือพระอรหัตซึ่งเกิดขึ้นในที่สุดแห่งความสิ้นไปแห่งตัณหา
พระอรหัตนั้นประเสริฐกว่าทุกอย่างโดยแท้  เพราะย่ำยีวัฏทุกข์ทั้งสิ้นได้
เพราะเหตุนั้น  ความสิ้นไปแห่งตัณหา  จึงชนะทุกข์ทั้งปวง"

เมื่อพระศาสดาตรัสเนื้อความแห่งพระคาถานี้ดังกล่าวมาแล้วนี้
สัตว์ ๘๔,๐๐๐ ได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว

ส่วนท้าวสักกะทรงสดับธรรมกถาของพระศาสดาแล้ว  ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว  ทูลว่า
"พระเจ้าข้า  ทำไมพระองค์จึงไม่รับสั่งให้ให้ส่วนบุญแก่พวกข้าพระองค์  ในธรรมทานอันชื่อว่าเยี่ยมอย่างนี้บ้าง
จำเดิมแต่นี้ไป  ขอพระองค์ได้โปรดตรัสบอกแก่ภิกษุสงฆ์ให้แผ่ส่วนบุญแก่พวกข้าพระองค์ด้วยเถิด  พระเจ้าข้า"

พระศาสดาทรงสดับคำของท้าวเธอแล้ว  รับสั่งให้ภิกษุสงฆ์ประชุมกันแล้ว  ตรัสว่า
"ภิกษุทั้งหลาย  ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เมื่อพวกเธอทำการฟังธรรมครั้งใหญ่ก็ดี  ทำการฟังธรรมตามปกติก็ดี  กล่าวสนทนาธรรมก็ดี  ตลอดจนเมื่ออนุโมทนาแล้วก็ดี  พึงให้ส่วนบุญแก่สัตว์ทั้งปวง"

สักกเทวราชวัตถุ  จบ


บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปติปูชิกาวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > ปุปผวรรค)

อานันทเสฏฐิวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > พาลวรรค)

กาลียักขินีวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > ยมกวรรค)