อสิพันธกปุตตสูตร (สังยุตตนิกาย > สฬายตนวรรค > คามณิสังยุต)



อสิพันธกปุตตสูตร  (ว่าด้วยผู้ใหญ่บ้านชื่ออสิพันธกบุตร)

สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่  ณ  ปาวาริกัมพวัน  เขตเมืองนาลันทา

ครั้งนั้น  ผู้ใหญ่บ้านชื่ออสิพันธกบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ  ถวายอภิวาท  แล้วนั่ง  ณ  ที่สมควร  ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  พวกพราหมณ์ชาวปัจฉาภูมิมีคณโฑน้ำติดตัว  ประดับพวงมาลัยสาหร่าย  อาบน้ำทุกเช้าเย็น  บำเรอไฟ
พราหมณ์เหล่านั้นชื่อว่าทำสัตว์ที่ตายแล้วให้ฟื้น  ให้รู้ชอบ  ให้ขึ้นสวรรค์
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถจะทำสัตว์โลกทั้งหมดหลังจากตายแล้วให้ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ได้หรือ"


[ ผู้ประกอบอกุศลกรรม ๑๐ ย่อมไปเกิดในทุคติ ]
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
"ผู้ใหญ่บ้าน  ถ้าเช่นนั้น  เราจักย้อนถามในปัญหาข้อนี้  ท่านพึงตอบตามสมควร
ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร  บุรุษในโลกนี้เป็นผู้ฆ่าสัตว์  ลักทรัพย์  ประพฤติผิดในกาม  พูดเท็จ  พูดส่อเสียด  พูดคำหยาบ  พูดเพ้อเจ้อ  เพ่งเล็งอยากได้ของเขา  มีจิตพยาบาท  เป็นมิจฉาทิฏฐิ
หมู่มหาชนพึงมาประชุมแล้วสวดอ้อนวอน  สวดสรรเสริญ  ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า  'ขอบุรุษนี้หลังจากตายแล้ว  จงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์เถิด'
ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร  บุรุษนั้นหลังจากตายแล้วพึงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์เพราะการสวดอ้อนวอน  เพราะการสวดสรรเสริญหรือเพราะการประนมมือเดินเวียนรอบแห่งหมู่มหาชนเป็นเหตุได้หรือ"

"ไม่ได้  พระพุทธเจ้าข้า"


"ผู้ใหญ่บ้าน  เปรียบเหมือนบุรุษโยนก้อนหินใหญ่ลงในห้วงน้ำลึก

หมู่มหาชนพึงมาประชุมแล้วสวดอ้อนวอน  สวดสรรเสริญ  ประนมมือเดินเวียนรอบก้อนหินใหญ่นั้นว่า  'โผล่ขึ้นเถิด  พ่อก้อนหินใหญ่  ลอยขึ้นเถิด  พ่อก้อนหินใหญ่  ขึ้นบกเถิด  พ่อก้อนหินใหญ่'
ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร  ก้อนหินใหญ่นั้นพึงโผล่ขึ้น  ลอยขึ้น  หรือขึ้นบกเพราะการสวดอ้อนวอน  เพราะการสวดสรรเสริญ  หรือเพราะการประนมมือเดินเวียนรอบแห่งหมู่มหาชนเป็นเหตุได้หรือ"

"ไม่ได้  พระพุทธเจ้าข้า"


"ผู้ใหญ่บ้าน  อุปมานั้นฉันใด  อุปไมยนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน

บุรุษใดเป็นผู้ฆ่าสัตว์  ลักทรัพย์  ประพฤติผิดในกาม  พูดเท็จ  พูดส่อเสียด  พูดคำหยาบ  พูดเพ้อเจ้อ  เพ่งเล็งอยากได้ของเขา  มีจิตพยาบาท  เป็นมิจฉาทิฏฐิ
หมู่มหาชนพึงมาประชุมแล้วสวดอ้อนวอน  สวดสรรเสริญ  ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า  'ขอบุรุษนี้หลังจากตายแล้วจงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์เถิด'  ก็จริง
ถึงกระนั้น  บุรุษนั้นหลังจากตายไปแล้วพึงไปเกิดในอบาย  ทุคติ  วินิบาต  นรก


[ ผู้เว้นจากอกุศลกรรม ๑๐ ย่อมไปเกิดในสุคติ ]
ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร  บุรุษในโลกนี้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์  การลักทรัพย์  การประพฤติผิดในกาม  การพูดเท็จ  การพูดส่อเสียด  การพูดคำหยาบ  และการพูดเพ้อเจ้อ  ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของเขา  ไม่มีจิตพยาบาท  เป็นสัมมาทิฏฐิ
หมู่มหาชนพึงมาประชุมแล้วสวดอ้อนวอน  สวดสรรเสริญ  ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า  ‘ขอบุรุษนี้หลังจากตายแล้วจงไปเกิดในอบาย  ทุคติ  วินิบาต  นรกเถิด’
ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร  บุรุษนั้นหลังจากตายแล้วพึงไปเกิดในอบาย  ทุคติ  วินิบาต  นรก  เพราะการสวดอ้อนวอน  เพราะการสวดสรรเสริญ  หรือเพราะการประนมมือเดินเวียนรอบแห่งหมู่มหาชนเป็นเหตุได้หรือ"

"ไม่ได้  พระพุทธเจ้าข้า"


"ผู้ใหญ่บ้าน  เปรียบเหมือนบุรุษดำลงในห้วงน้ำลึกแล้วทุบหม้อเนยใสหรือหม้อน้ำมัน  ก้อนกรวดหรือกระเบื้องหม้อนั้นพึงจมลงในห้วงน้ำนั้น  ส่วนเนยใสหรือน้ำมันในหม้อนั้นพึงลอยขึ้น

หมู่มหาชนพึงมาประชุมแล้วสวดอ้อนวอน  สวดสรรเสริญ  ประนมมือเดินเวียนรอบเนยใสหรือน้ำมันนั้นว่า  'ดำลงเถิด  พ่อเนยใสและน้ำมัน  จมลงเถิด  พ่อเนยใสและน้ำมัน  ดิ่งลงข้างล่างเถิด  พ่อเนยใสและน้ำมัน'
ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร  เนยใสและน้ำมันนั้นพึงดำลง  จมลง  หรือดิ่งลงข้างล่างเพราะการสวดอ้อนวอน  เพราะการสวดสรรเสริญ  หรือเพราะการประนมมือเดินเวียนรอบแห่งหมู่มหาชนเป็นเหตุได้หรือ"

"ไม่ได้  พระพุทธเจ้าข้า"


"ผู้ใหญ่บ้าน  อุปมานั้นฉันใด  อุปไมยนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน

บุรุษใดเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์  การลักทรัพย์  การประพฤติผิดในกาม  การพูดเท็จ  การพูดส่อเสียด  การพูดคำหยาบ  และการพูดเพ้อเจ้อ  ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของเขา  ไม่มีจิตพยาบาท  เป็นสัมมาทิฏฐิ
หมู่มหาชนพึงมาประชุมแล้วสวดอ้อนวอน  สวดสรรเสริญ  ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า  'ขอบุรุษนี้หลังจากตายแล้วจงไปเกิดในอบาย  ทุคติ  วินิบาต  นรกเถิด'  ก็จริง
ถึงกระนั้น  บุรุษนั้นหลังจากตายแล้วพึงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์

เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว  ผู้ใหญ่บ้านชื่ออสิพันธกบุตรได้กราบทูลว่า

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  พระภาษิตของพระองค์ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  พระภาษิตของพระองค์ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก
พระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมแจ่มแจ้งโดยประการต่างๆ  เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ  เปิดของที่ปิด  บอกทางแก่ผู้หลงทาง  หรือตามประทีปในที่มืดโดยตั้งใจว่าคนมีตาดีจักเห็นรูปได้
ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาค  พร้อมทั้งพระธรรม  และพระสงฆ์  เป็นสรณะ
ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะ  ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต”

อสิพันธกปุตตสูตร  จบ


บทความที่เกี่ยวข้อง
๑. ตัวช่วยแก้เหตุร้าย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปติปูชิกาวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > ปุปผวรรค)

อานันทเสฏฐิวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > พาลวรรค)

กาลียักขินีวัตถุ (ขุททกนิกาย > ธรรมบท > ยมกวรรค)